ถ้ำเสาหิน -
ถ้ำน้ำตก อช.ลำคลองงู
ทองผาภูมิ
กาญจนบุรี 2-4 มีนา 55
อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
อยู่ในเขต ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ
กาญจนบุรี
มีถ้ำสวยงามหลายแห่ง
โดยมีถ้ำหลักที่
เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกปี
คือ ถ้ำนกนางแอ่น
ที่มีหินย้อยเป็นรูปน้ำตกสวยงาม
และ ถ้ำเสาหิน
ที่เกิดจากหินงอกและหินย้อย
ที่ยื่นมาต่อกัน
จนกลายเป็นเสาหินขนาดใหญ่
ที่ได้ว่ากันว่า
สูงที่สุดในโลก
ที่ค้นพบแล้วในปัจจุบัน
คือสูง 62 เมตร
สูงกว่า
อันดับสองที่พบใน
จีน ถึง กว่า 20 เมตร
และยังมีถ้ำน้ำตก
ซึ่งมีหินงอกหินย้อยที่กำลังเจริญเติบโต
ตลอดเวลา(ยังไม่ตาย)
และทาง อช.แห่งชาติ
จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชม
ได้ในบางปีเท่านั้น
โดยห้ามไม่ให้ไปสัมผัส
หินงอกเหล่านั้นอันจะทำให้คราบไขมันจากมือเรา
ไปจับหิน
ทำให้หยุดการเติบโต
หรือตายไป และ
สำหรับปีนี้ ทางอช.ก็ยังไม่ได้เปิดให้เข้าชมเช่นกัน
การเที่ยวถ้ำ
ที่มีธารน้ำไหลผ่านหลายแห่ง
รวมทั้ง
ถ้ำที่ลำคลองงู
มักจะเข้าท่องเที่ยวได้ในหน้าแล้งที่ระดับน้ำลดลงแล้วถ้าเป็นหน้าน้ำระดับน้ำอาจจะสูง
จนลอดผ่านถ้ำไม่ได้
หรือเกิดอันตรายได้ง่าย
การเดินทาง
ทริปนี้เราออกเดินทางโดยรถตู้
จากจุดนัดพบลานจอดรถ
BTS หมอชิต
ไปทางถนนบรมราชนนีผ่านนครปฐม
ก่อนแยก
จากเพชรเกษม ไปตาม
ทางหลวงสาย 323
ผ่านบ้านโป่ง
ท่ามะกา กาญจนบุรี
ระยะทางรวม จากกทม.
ถึงกาญจนบุรี
ประมาณ 130 กม.
แล้วออกทางเลี่ยงเมืองกาญจนบุรี
มุ่ง ตาม 323
ไปทางไทรโยค
จนถึงทองผาภูมิ
ระยะทาง
จากตัวเมืองกาญจนบุรี
ถึงทองผาภูมิ 140
กว่าๆไกลกว่า
จากตัวเมืองไปกทม.ซะอีก
อิๆ
ก่อนถึง ตัวเมือง
ทองผาภูมิเล็กน้อย (ประมาณหลักกม.ที่
125 ของทางหลวง 323 )
จะเป็นสามแยกขวา
มุ่งไปทางอ.สังขละบุรี
วิ่งตามถนนสายนี้
ประมาณ 26-27 กม
จะมีทางแยกซ้าย
เข้า อช.ลำคลองงูระยะทาง
ประมาณ 30 กม.
ทางช่วงนี้เป็นถนนลูกรัง
แต่รถเก๋งวิ่งได้สบายๆ
ผมเคยมาค้าง
ไร่เพื่อน แถวนี้
เมือสองสามปีก่อนแล้วเดินไปน้ำตกนางครวญกัน
มาเที่ยวนี้เพิ่งรู้ว่า
บริเวณนี้คือ
ส่วนนึงของ อช.ลำคลองงู
:)
รอบนี้ ป๋าคมรัฐ
ติดต่อได้ที่พัก
เป็นบ้านพัก
ที่หน่วยเขาพระอินทร์
อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
ซึ่งก็สะดวกสบายพอสมควร
ไม่ต้องกางเต็นต์กัน
ตอนไปถึงราวๆ ตี 3
อากาศเริ่มค่อนข้างจะเย็นหน่อย
ระยะทางจากทม.จนถึง
ที่พัก รวมประมาณ 340
กม.เท่านั้น
แต่ก็ใช้เวลาเดินทางกัน
ประมาณ 5 ชม.
เช้าวันเสาร์หลังจากกินอาหารเช้า
ผัดซีอิ๊วสูตรป๋าคมรัฐ
แล้ว เรา
ออกจากที่พัก ราวๆ 9
โมงเช้า
นั่งรถกะบะประมาณ
ครึ่งชม.
ไปยังจุดเริ่มต้น
ไปยัง ถ้ำเสาหิน
เป็นระทางประมาณ 4
กม.
เส้นทางที่เดินส่วนใหญ่เป็นป่าไผ่
ที่ช่วงนี้แห้งแล้ง
มีไฟป่าไหม้เป็นระยะ
ทางขาไปค่อนข้างเป็นทางลงเกือบตลอด
แม้จะไม่มีฝน
ไม่มีโคลน
แต่ใบไผ่ปกคลุมพื้นส่วนใหญ่
ทำให้ตามทางลาดชันเดินค่อนข้างลื่นลำบาก
เนื่องจาก
ทริปนี้ไม่ได้เตรียมไม้เท้าไป
เพราะว่า
กะไปลุยน้ำเป็นหลัก
อิๆ)
เส้นทางช่งงท้ายๆก่อนถึงถ้ำ
จะเป็นภูเขาหินปูน
ที่แหลมคม
ต้องปีนไต่ลงไป
ถุงมือเป็นสิ่งจำเป็น
ไม่งั้นคมหินบาดมือได้เลือด
เอาง่ายๆ (ได้มาหลายรอยเหมือนกัน
อิๆ) ขาไป
ทางลงเขาใช้เวลาเดินกันราว
ชม.ครึ่ง
หน้าปากถ้ำ
จะมีลานน้ำใหญ่
ใต้น้ำตก
น้ำใสเล่นน้ำ
ตลอดจนกระโดดจากน้ำตกเล่นกันได้เลย
จากปากถ้ำ
ต้องเดินข้ามน้ำ
เพื่อปีน
และเดินตามทางเป็นหินขรุขระ
สลับ
ล่องทวนน้ำเข้าไป
บางช่วงน้ำแรง
ต้องอาศัยเชือก
ช่วยดึงตัว
โต้กระแสน้ำเข้าไป
ถ้ำนี้ค่อนข้างจะมืด
ต้องใช้ไฟฉายสวมหัว
ช่วยในการเดิน
แต่ก็มีปัญหา
แมลงจำนวมมากทีคงมาตอม
ขี้ขี้ค้างคาวในถ้ำ
พอเปิดไฟ
เลยมีแมลงตอมไฟ
และหน้าตาเรา
เข้าตา
น่ารำคาญพอสมควร
แต่บางจุด ก็มีแสงส่องผ่านเข้ามาให้เห็นได้บ้างเหมือนกัน
หินปูนในถ้ำหลายก้อน
มันเกิดจากการทับถม
และถูกขัดเกลา
ทำให้ลื่นมันมีชั้นสีลายสลับกันสวยแปลกตา
อยากขนกลับมาบ้านเลย
อิๆ
ทางน้ำไหลผ่านหินในถ้ำมีทั้งส่วนที่ตื้นเขิน
และ
บางตอนลึกจนมิดหัว
และกระแสแรง
แต่น้ำเย็นและใส
แม้
ในถ้ำจะมีขี้ค้างคาวสะสมมาก
คิดว่าคงเป็นจากที่น้ำมันไหลผ่านออกไปตลอดเวลา
เลยไม่สกปรก
และมีกลิ่นเหมือนตัว
ถ้ำ
เสาหิน
ต้นค่อนข้างสูง
และมืด เวลาถ่ายรูป
ถ้าแฟลชไม่แรงพอ
มักจะถ่ายไม่ค่อยได้ทั้งต้น
ได้ป๋ษช่วยเอาไฟฉายแรงสูงช่วยฉายเพิ่ม
ให้ ก็พอ ช่วยได้
ระดับนึง
แต่ก็ยังเห็นได้ไม่ถึงยอด
ที่สูงถึง 62 เมตร
แอ่งหินลักษณะนี้
มีให้เห็นได้ทั่วไปในถ้ำหินปูนที่มีหินงอกหินย้อย
ในหน้าน้ำจะมีน้ำขังเต็มและไหลล้นออกมาตามปากอ่าง
และหยดย้อยลงมาทิ้งรอยหินปูนที่ปนมากับน้ำให้ค่อยๆก่อตัวเป็นของอ่างสูงขึ้น
ตลอดจนไหลเป็นหินย้อยลงมารอบๆ
ขอบอ่างสวยงาม
แปลกตา
ขาออกจากถ้ำ
เดินย้อนออกทางเดิม
แต่ว่า ตอนออกนี่
เป็นการไหลตามน้ำ
ทำให้ย้อนออกมาได้ไว
ตอนขาเข้าถ้ำ
เราปีนเขาเลาะผ่านน้ำตกเข้าไป
แต่ขาออก ส่วนใหญ่
ไม่ค่อยอยากปีนกลับกันแล้ว
แต่เลือกโดด
ผ่านน้ำตก
ที่สูงประมาณ 4 เมตร
ลงมาในแอ่งน้ำ
หน้าถ้ำ
แล้วถือโอกาส
เล่นน้ำกันซะเลย
ก่อน กินข้าวห่อ
ที่เตรียมมา
สำหรับมื้อกลางวันกันตอนราวๆบ่ายสอง
แล้วเดินย้อนกลับทางเดิม
แต่เป็นการเดินไต่กลับขึ้นเขา
ทำให้ใช้เวลานานกว่า
ขามา คือ
คือใช้เวลารวม 2 ชม.ครึ่ง
เล่นเอาหลายคนที่ไม่ค่อยได้เดิน
ป่าไกลๆ
ตะคริวขึ้นไปตามๆกัน
แล้ว
เดินทางกลับหน่วย
พระอินทร์ด้วยรถกระบะประมาณ
5 โมงเย็น เตรียม
ทำอาหาร และ
พักผ่อนเก็บแรงกันอีกคืน
เช้าวันอาทิตย์
หลังจากอาหารเช้า
9 โมงเช้า
เตรียมนั่งรถ กระบะ
ที่ทาง อช.จัดให้ไปส่ง
ณ จุดเริ่มเดิน
ก่อนออกเดินทาง
เจ้าเปรี้ยว
หมาแสนรู้ ตัวดัง
ของอช.ลำคลองงู
ที่นักเดินป่าทุกคนรู้จักมันดี
ในฐานะคนนำทาง
ก็มารอ
อยู่ก่อนแล้ว
หนูจิ๊บ มือขวา Staff
ป๋า
ที่เป็นเพื่อนซี้
ไปนั่งคุยด้วย
คุยกันรู้เรื่องดีซะด้วย
:)
พอรถเริ่มออก
วิ่ง
เจ้าเปรี้ยวก็วิ่งตามรถมาตลอดทาง
เป็นระยะทางหลายกม.
กว่าจะถึงจุดเริ่มเดิน
มาถึงก็หอบลิ้นห้อยซี่โครงบาน
แต่เจ้าหน้าที่บอก
มันไม่ยอมขึ้นรถ
แต่จะวิ่งตามมา
อย่างนี้ทุกครั้ง
และนำนักท่องเที่ยวเดินไป
สำรวจถ้ำ ตลอดจน
ว่ายน้ำ หรือ
กระโดดหน้าผา
เป็นตัวอย่างให้นักท่องเที่ยวตลอดเวลา
เส้นทางเดินไปถ้ำนกนางแอ่น
ไม่ไกลเท่าวันแรกที่ไปถ้ำเสาหิน
ระยะทางประมาณ 2 กม.
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.กว่าๆ
ส่วนใหญ่เป็นทางไต่ปีนไปตามก้อนหิน
และเลาะไปตามไหล่เขาขึ้นสูงไปเรื่อยๆ
จนถึงปากถ้ำ
ที่ปากถ้ำ
จะมีประตูทะลุมิติ
เป็นช่องหินแคบที่ต้องก้มต่ำมุดรอดเข้าไป
ข้างใน
แต่เมื่อพ้นเข้าไปก็จะเป็นทางเดินเพดานสูง
เดินผ่านได้สบายๆ
และมีแสงส่องผ่านไม่ต้องใช้ไฟฉาย
เดินออกมาไม่กี่สิบเมตร
ก็จะทะลุ
ออกมาอีกด้าน
ซึ่งเป็นลานโล่ง
เป็น บริเวณปากทาง
เข้าสู่ถ้ำหินปูน
ที่มีทางน้ำไหลผ่านออกมา
และเป็นจุดเริ่มต้น
เดินทางเข้าสู่ถ้ำนกนางแอ่น
ตรงลานหน้าปากถ้ำที่น้ำไหลผ่านออกมานี้มีแก่งหินมากมาย
และ เห็นลำน้ำ
ไหลออกมาค่อนข้างแรง
บางแห่งตื้น
บางแห่งลึก
และจุดที่ลึกนี่แหละ
คือ
ตรงที่เราหมายตา
เอาไว้เป็นที่กระโดดลงไปยังธารน้ำข้างล่างเพื่อลอยตัว
เข้าไป
ในถ้ำนกนางแอ่น
ลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ
หนุกหนาน
ไม่เหนื่อย
น้ำใสเย็นพอสมควร
แต่ไม่ถึงกันหนาว
บางส่วนตื้น ก็ลุยเดิน
ตรงไหน เจอหินขวาง
ก็ปีนกันไปเป็นช่วงๆก่อนลงไปลอยคอกันใหม่
ปีน ป่าย
ไล่ตามทางในถ้ำ
กันไปเรื่อยๆ
ถ้ำนี้เป็นถ้ำเปิด
อากาศถ่ายเท
หายใจได้สะดวก
ไม่อับชื้น
เนื่องจากเพดานถ้ำหลายแห่ง
ถล่มลงมาเป็นช่องเปิด
ตามเพดานถ้ำ ซึ่ง
ลักษณะทางภูมิศาสตร
ของเพดานถ้ำที่
ถล่มเปิดเป็นช่องแบบนี้
จะพบในถ้ำที่มีธารน้ำไหลผ่าน
เรียก กันว่า Karst window
ซึ่งใน้ำนกนางแอ่น
มี หลายแห่ง
ระหว่างทางเดินในถ้ำมีหินงอก
หินย้อย
รูปร่างแปลก
หลายอันให้จินตนาการกันเล่นระหว่างเดินผ่านไป
อันนี้ หิน
เอเล่ยน
เห็นหน้าผากล้านเหม่ง
และ
ลูกตาและปากชัดเจน
หัวงู
อะนาคอนด้า หรือ หัว T
Rex ล่ะเนี่ย :)
อันนี้มือ
แม่นาคเหมือน แฮะ :)
ก่อนออกจากถ้ำ
เป็นหน้าผาสูงชันให้ทดสอบ
จิตใจกันรอบสุดท้าย
ด้วยการโดดจากหน้าผา
ลงไปธารน้ำข้างล่าง
สูงประมาณ 7 เมตร
แต่น้ำลึกและไม่มีแง่หินให้อันตราย
กลั้นใจ
แล้วโดดลงไป มันส์ๆ
อิๆ
ก่อนลอยตัวออกปากถ้ำ
แถวปากทางก่อนจะออกจากปากถ้ำ
เป็นบริเวณที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามรอบปากถ้ำ
ให้ถ่ายรูปกันก่อนอำลา
แถมคลิป VDO
เก็บภาพให้อีกคลิป คลิปหินงอกหินย้อยถ้ำนกนาแอ่นลำคลองงู
ขากลับนี่สบายกว่าขาไป
ที่เดินไกล
ไต่เขาสูง แต่
ขากลับ
หลังจากล่องตามน้ำมาเรื่อยๆ
กระโดดหน้าผา
ลงธารน้ำลดระดับความสูงมาเรื่อยๆ
พอออกจากถ้ำ แล้ว
เราเดินปีนไต่เขากันอีกแค่
ประมาณ 500 เมตร
ใช้เวลาแค่ประมาณ
ครึ่งชม.ก็มาถึงจุดจอดรถ
จอดรอ
ตอนเริ่มต้นเดินทางกลับถึงที่พัก
ประมาณ บ่ายโมง
เตรียมทำอาหารเที่ยง
ซึ่งมื้อนี้เป็นก๋วยจั๊บญวน
แล้ว
อาบน้ำเตรียมตัวเดินทางกลับ
กทม. กัน ปิดทริป นี้
ซึ่งไม่หนักมากนัก
แต่หนุกหนาน ลุยๆ
พอประมาณ
|