Omega Seamaster ChronoAmerica Cup
Ref.
2594.50.00
Movement: Omega 3303 C.O.S.C.
เรือนนี้
มาในกล่องหนังสีแดงพร้อมโลโก้โอเมก้าบนลูกโลกสีเงิน
บัตรรับประกันไม่ลงวันที่ใบนี้ประทับตราจำหน่ายจาก
King Power Duty Free ประกันจาก
Swatch Thai เช่นเดียวกับ
นาฬิกาที่ซื้อตามร้านทั่วไป
นอกจากนั้นยังมีการ์ดอีกสองใบ
ใบหนึ่งเป็นใบรับรองผ่านการตรวจสอบ
Chronometer จาก COSC
อีกใบจำไม่ได้แล้วว่าประกันอะไร
:P
สมุดคู่มือการใช้งานเล่มโต
เพราะว่า
โอเมก้าใช้สำหรับ
หลายรุ่นร่วมกัน
กล่องด้านใน
บุผ้าสักกะหลาดสีครีม
สะอาดตา
หมอนรองนาฬิกาปรับขนาดได้สองขนาด
ตามขนาดข้อมือ
ตัวนี้มองแว่บแรก
จะบอกว่าหน้าตาเหมือนฝาแฝด
ของ Seamaster Pro 300
แต่เมื่อดูรายละเอียดต่างๆ
แล้ว จะเห็นว่าต่างกันมากพอสมควร
ยิ่งถ้าเทียบตัวเป็นๆกันแล้ว
จะต่างกันเยอะทีเดียว
ตัวเรือนตัวนี้ใหญ่กว่าหนากว่า
Sea Pro 300 มากที่เดียว
สาย ก็หนากว่า
และขัดด้านมากกว่า
หน้าปัดพื้นดำไม่มีลายคลื่น
ซึ่งดูแล้วสบายกว่า
ตัวเก่า
ซึ่งบางมุมมอง
ตัวลายคลื่นทำให้
ดูคล้ายกระจกเป็นแนวฝ้าๆ
เข็มทรงดาบเช่นเดียวกับ
Sea Pro 300 แต้ม พรายน้ำ
Luminova
ขนาดใหญ่เช่นเดียวกับตำแหน่ง
Marker บอกเวลาชม.ทั้งสิบสองจุด
เช่นกัน
มองสว่างในที่มืดได้สบาย
หน้าปัดมี Subdial
ย่อยสามอัน โดยSubdial
ที่บอกเวลาวินาที
อยู่ที่ 9 น. ส่วนที่ 3
น.เป็นวงจับเวลาเป็นนาที
และที่ 6 น.เป็นวงจับเวลาเป็นชม.บอกได้สูงสุด
12 ชม.
มีหน้าต่างวันที่แทรกอยู่เหนือ
ตำแหน่ง 6 น.เช่นเดียวกับ
Broad Arrow เนื่องจากใช้เครื่องเดียวกัน
คือ กลไก Autometic caliber 3303
ที่Omega พัฒนา
มาจากเครื่อง ของ
Federique piguet
เครื่องนาฬิกาตะกูลสูง
อีกยี่ห้อหนึ่ง
โดยเครื่องนี้ใช้
กลไกจับเวลา แบบColumn
wheel
ที่จัดว่าเป็นกลไกชั้นดีคลาสสิค
เวลากดทำงาน จะรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลของกลไก
ได้เป็นอย่างดี
เครื่องนี้พลังงานสำรองสูงกว่านาฬิกา
ออโต้ทั่วๆไป
คือใช้งานได้ถึง 55
ชม.
พร้อมกับผ่านการรับรอง
ความเที่ยงตรงระดับChronometer จาก COSC
ด้วย
ที่ตำแหน่ง 10 น.มี
ปุ่ม Helium Escape Valve สำหรับปล่อย
Helium
ออกเวลาขึ้นจากน้ำ
เหมือนกับ Sea Pro 300
เช่นกัน
ส่วนปุ่มจับเวลาทั้งสองปุ่ม
มีบ่าคล้ายที่ขันล้อคปุ่มเหมือน
Daytona แต่ของ America Cup
ตัวนี้ทำไว้เฉยๆไม่ได้ขันเกลียว
แต่ว่าก็ยังสามารถ
กันน้ำได้ลึก ถึง 300
เมตร ระดับเดียวกับ
Daytona ของ Rolex เช่นกัน
ขอบหน้าปัด เป็น Uni
Directional Rotating Bezel
คือขอบหมุนได้แต่ทวนเข็มนาฬิกาทางเดียว
ตามแบบฉบับของนาฬิกาดำน้ำ
ที่ป้องกันไม่ให้หมุนย้อนตามเข็มกลับเวลาดำน้ำ
ทำให้อยู่ในน้ำเกินจนเกิดอันตราย
ได้
ฝาหลังเป็นแบบขันเกลียว
เพื่อประสิทธิภาพในการกันน้ำลึก
สลักลาย
ม้าน้ำและลายคลื่นเช่นเดียวกับ
Seamaster ตัวอื่นๆ
เสียดายที่หลังเป็นแบบหลังทึบไม่เปลือย
เพราะว่าเครื่องตัวนี้ได้รับการ
Finished สวยงาม และ ชุบ
Rhodium ด้วย แต่กลับถูกปกปิดไว้ไม่ได้เผยโชว์ความงามภายใน
ขนาดตัวเรือนมองจากด้านข้างค่อนข้างหนา
แต่รูปทรงสวยงามใช้ได้
ขนาดตัวเรือน Diameter 42
มม. ถ้าวัดรวมCrownด้วยก็=
46 mm ขนาด Diameter
ถ้าวัดที่ Bezel 41 mm และ
ขนาด Diameter
ของกระจกหน้าปัด 30
มม. เท่ากับพวก Rolex Sport
ส่วนความหนา 15 mm
หนาพอสมควร
ภาพด้านข้างประกบกับ
Seamaster Pro 300
จะเห็นได้ว่าตัวนี้หนากว่ามาก
รวมทั้งขนาดสายก็หนากว่าเยอะเช่นกัน
เทียบกันอย่างกะพ่อกะลูกเลย
:)
สายและบานพับเป็น
Stainless Steel มี Extend Folder
บานพับที่ยืดออกได้
เวลาสวมนาฬิกาทับชุดดำน้ำ
สายเป็นแบบขัดกึ่งด้านกึ่งเงา
แต่ถ้าเทียบกับตัว
Sea Pro 300
ตัวนั้นจะเงากว่าตัวนี้เล็กน้อย
สรุป
สำหรับตัวนี้
ด้วยค่าตัวที่แพงกว่า
Seamaster Professional 300 ธรรมดา
ประมาณ 3 หมื่น
หรือเกือบเท่าตัว
อาจจะดูว่าแพง
แต่ว่า ถ้าเทียบกับ
ตัว Broad Arrow ซึ่งใช้เครื่องเดียวกันนี้
ซึ่งแพงกว่า ประมาณ
สองหมื่น
จะทำให้รู้สึกว่าตัวนี้
ซึ่ง สวยคนละแบบ
แถมดำน้ำได้ลึกกว่า
ออกจะคุ้มค่ากว่า
แต่สำหรับคนที่รัก
Seamaster และชอบกลไก Chronograph
แต่จะลดงบประมาณลงอีกหน่อย
ก็สามารถหนีไปเล่น
Seamaster Chono Driver
ซึ่งใช้กลไก Base On
เครื่อง ETA ซึ่งราคา
จะประหยัดลงไปเกือบ
2 หมื่นบาท
|