OMEGA Speedmaster Racing Michael
Schumacher 2002 Limited Ref 3529.50
Movement: Omega Cal 1151 base on
Valjoux 7751
Michael Schumacher แช้มป์โลก
Formular 1 ปี 2002 กับ Ferrari F 2002
คันเก่ง
ที่มาของนาฬิกา Limited
เรือนนี้ที่ ทางโอเมก้า
ผลิตขึ้นมาเพื่อฉลองชัยชนะให้กับ
ชูมี่ และ (เอาตังค์จากกระเป๋านักสะสมทั้งหลาย)
:P
กล่องลายKeflar
ถัก
สีดำพร้อมซองใส่ใบรับประกัน
ลายเดียวกัน
สวยสะดุดตาจนเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ต้องเสียตังค์หยิบมันกลับมาบ้าน
ฝากล่องประทับชื่อรุ่นพร้อมกับลายเซ็นต์
ของ
ชูมัคเกอร์ไว้ด้วย:P
กล่องในบุกำมะหยี่สีดำเรียบ
พร้อมหมอนรองนาฬิกาสีเดียวกัน
ฝาด้านในมีลายเซ็นต์ของชูมี่เช่นเดียวกัน
มาดู Signature
ของพระเอกเรากันชัดๆๆๆๆ
:P
ใบรับรองLimited
จำนวน 5555 เรือน พร้อมSpec
เครื่อง และตำนาน
Speedmaster Racing 2002
เรือนนี้ ใช้ Baseจากนาฬิกา
Speedmaster Day-Date ต่างจากตัว
shumi limited 2001 ที่ใช้Base จาก
รุ่น Speedmaster Date
เครื่องเป็นเครื่อง
Base จาก ETA(Valjoux) 7751
เครื่องฝาแฝดของ 7750
ที่นิยมใช้กันทั่วไปในหลายแบรนด์
แต่มีฟังชั่นวันและเดือนเพิ่มขึ้นมา
ให้พลังงานสำรอง 44
ชม.
หน้าปัดของรุ่นนี้สวยเท่ห์ดูสปอร์ต
ทำเป็นสองชั้นพื้นล่างเป็น
Carbon Fiber ลาย Keflar
ส่วนตัวหนังสือ
ชื่อรุ่นและตัวเลขลอยสูงเหนือ
Background ขึ้นมา เข็มชม.และเข็มนาทีสีขาวแต้มพรายน้ำเห็นได้ชัด
เข็มจับเวลาวินาทีรูปใบหอก
ปลายแต้มสีแดงสดอยู่ตรงกลางร่วมกับเข็มชม.และนาที
สามารถใช้งานร่วมกับ
Tachymetric Scale
ที่ขอบ Bezel
เพื่อคำนวนความเร็วได้
มีSubdial 3
วงวางเรียงตัวที่ 12 -9-
6 น.เหมือนกับนาฬิกา
เครื่อง 7750 ทั่วไป
แต่ที่Subdial 12 น.
นอกจากมีเข็มจับเวลานาที
บอกเวลา รอบล่ะ 30
นาที โดยทำงานแบบ
jumping (ขยับเมื่อเข็มวินาทีเดินครบรอบ)
ทำให้ดูเวลาได้ง่าย
นอกจากนี้แล้ว ยังมีหน้าต่าง
บอกวัน และ
เดือนอยู่ในนี้ด้วย
ที่ 9 น. เป็น Subdial Second
บอกเวลาปกติ
และมีเข็มรูปสามเหลี่ยม
บอกเวลา 24 ชม.ไว้ในหน้าปัดเดียวกันด้วย
Subdial ที่ 6 น.เป็นเข็มจับเวลาชม.สีแดงสด
บอกเวลารวม 12 ชม. Background
สำหรับ Subdial นี้
เป็นรูปตราธงหมากรุก
สัญญลักษณ์
แห่งชัยชนะในการแข่งรถ
(อย่าดูเป็นลูกฟุตบอลเชียวล่ะ
:P )
ตัวเลขบอกวันที่
เรียงตัวรอบ ขอบ Bezel
ด้านใน
ตัวเลขสีชมภูอ่อนตัดกับพื้นดำสวยไปอีกแบบ)
เข็มชี้บอกวันที่ตอนปลายเป็นรูปเครื่องบินสีขาวเห็นได้เด่นชัด
กระจก Crystal Sapphire
ที่ใช้กันรอยขูดขีดได้และเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน
(Antireflextive )ทางด้านใน
ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนไม่มีแสงสะท้อนรบกวนตามากนัก
ขนาดตัวเรือนไม่ค่อยใหญ่มากนัก
เท่ากับ Speed Master Reduce คือ
Diameter ตัวเรือน ขนาด 39 mm.
Diameter กระจกหน้าปัด 30 mm.และ
Diameter ที่ Bezel =37.5 mm.
ความหนา 13 มม.ใช้สายขนาดกว้าง
18 mm.
ด้านหลัง
ปิดทึบ
ขัดมันสลักชื่อรุ่น
Speedmaster Racing 2002
พร้อมลายเซ็นต์ Schumi
และ
หมายเลขประจำเรือน
เสียดายที่ฝาหลังไม่ได้ทำเปลือยเพราะว่าเครื่องของรุ่นนี้
Finished
ได้สวยพอใช้พร้อมทั้ง
ชุบ Rhodium
สวยงามพร้อมที่จะโชว์เครื่องได้ไม่อายใคร
:P
ด้านข้างรูปทรงทั่วไปเหมือนกับ
Speedmaster Pro ขอบ Bezel
ยกสูงลอยจากตัวเรือน
ทำให้ดูมีส่วนโค้งเว้าแปลกตา
ด้านข้างส่วนกลางขัดด้านตัดกับส่วนบนและล่าง
ตัดกับส่วนบนและล่างที่ขัดมัน
มีช่องเล็กๆที่ 10 น.ดูคล้าย Helium Escape Valve ของ
Rolex Seadweller แต่ว่าช่องนี้
ใช้สำหรับจิ้มเพื่อตั้งเปลี่ยนวันแบบ
Quick Set เท่านั้น
ไม่ได้กันน้ำได้ลึกเหมือนกับพวก
Seamaster
ตัวนี้กันน้ำได้แค่
30 เมตร เหมือนๆกับ
Speedmaster ตัวอื่น ๆ
อย่าได้เอาไปลงว่ายน้ำ
หรือดำน้ำให้สำลักน้ำเล่นเป็นอันขาด
สาย
ลักษณะคล้ายกับสาย
Ouster ของ Rolex
ดูเผินๆเหมือนเป็นสายสามชิ้น
แต่ว่า
จริงๆแล้วเป็นสายห้าชิ้นโดยส่วนที่เหมือนการขัดมันที่ข้อกลางนั้นจริงๆแล้วเป็นชิ้นโลหะแยกต่างหากจากชิ้นกลาง
แต่ซ้อนกันสนิทจนดูเหมือนขอบ
บานพบแบบบานเลื่อนสไลด์ทำให้ใส่ได้ง่าย
พร้อมตัวล้อคข้างเดียว
ซึ่งลักษณะบานพับแบบนี้
โอเมก้าเริ่มนำมาใช้มากขึ้น
รวมทั้งใน Seamaster Aquaterra
ด้วย
สรุป ถ้าเป็นแฟนนาฬิกา
Limited
และคิดจะเก็บโอเมก้า
Limited คงต้องคิดหนัก
เพราะว่าบริษัทนี้ผลิตนาฬิกา
Limited ออกมามากรุ่นมากแบบเหลือเกิน
แถมผลิตออกมาแต่ล่ะครั้ง
จำนวนมากกว่า
จำนวนผลิตทั้งหมด
ของญี่ห้ออื่นซะอีก
อย่างตัว Racing 2001 นี่ก็
หมื่นกว่าเรือน
แม้แต่รุ่นนี้
ขนาดน้อยๆ ก็ยัง 5555
เรือน
ถ้าขืนเก็บหมดเหนื่อยแน่
แต่ถ้าเป็นแฟน F1
โดยเฉพาะเป็นแฟน Schumi
ไอ้หนุ่มเยอรมันคนเก่ง
ด้วย และแฟน Speedmaster
ด้วย
การจะมีตัวนี้ไว้ใน
collection
อีกซักตัวก็คงไม่รกกรุจนเกินไป
แถมหน้าตาก็หล่อพอจะเอาออกมาใส่ไปวัดไปวาตอนสายๆและ
เข้าผับตอนค่ำๆได้อีก
ต่างหาก :P
ว่าแต่ตอนนี้ Michael
Schumacher กับ Ferrari F2003
คันเก่ง
กำลังมาแรงในปีนี้และแนวโน้มว่าจะครองแช้มป์โลกอีกสมัยแล้ว
ไม่รู้ว่าปีหน้าโอเมก้า
จะเอาเครื่อง Federique Piguet
จาก BA มาทำเป็น Racing 2003
Limited
หลอกตังค์อีกหรือป่าว
:P
(หมายเหตุ
วันนี้เปิดไฟล์เก่าอันนี้มาดู
ณ เดือน ธค. 2005
อ่านบรรทัดข้างบน
ปรากฏว่า
เดาไว้เมื่อสองสามปีก่อนแม่นแฮะ
เพราะว่าปี 2003
ชูมี่ได้แช้มป์
และโอเมก้าก็เอาเครื่อง
Federeque Piguet มาทำเป็น The Legend
Limited จริงๆซะด้วย
อิๆ)