-=Jfk=-Short Story

.

เรื่องราวดีๆ ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ยอดนักเตะ ชาวโปรตุกีซ กับแฟนคลับของเขา   
 

จากบล็อก ฟุตบอลโลก 2010 : แดน กาสปาร์ โค้ชผู้รักษาประตูทีมชาติโปรตุเกส - ความจริงเกี่ยวกับ คริสเตียนโน โรนัลโด้ ยอดนักเตะชาวโปรตุกีซ และ เรียลแมดริด อดีตศูนย์หน้าทีมดัง แมนยูฯ ที่น้อยคนจะรู้


#################################################

ผมชื่อ แดน กาสปาร์ และผมอยากเล่าเรื่อง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้ฟัง เรื่องที่ผมมั่นใจว่าคุณไม่เคยรู้ แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องเล่า ผมเชื่อในโชคชะตา นี่คือตัวอย่าง เบื้องหลังซูเปอร์สตาร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคือมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความรัก และห่วงใยอย่างแท้จริง
ผมโชคดีที่ได้รับการเชื้อเชิญจาก โปรเฟสเซอร์ คาร์ลอส เคยรอช โค้ชทีมชาติโปรตุเกส ให้มาร่วมงานกับสตาฟ์ของเขาสำหรับการพาทีมทำศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก ผมกับ คาร์ลอส เคยร่วมงานกันมาก่อน และผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมของทีมชาติโปรตุเกส
หลังจากนั้นไม่นาน ผมได้รับโทรศัพท์จาก จอห์น โมเรยร่า เพื่อนสนิทของผม เขาทำงานใน สตาร์ โกล์คีพเปอร์ อะคาเดมี่ ซึ่งผมเป็นเจ้าของ ครอบครัวของเราสนิทกันมาก เรารู้จักกันมาหลายปี ลูกชายของเขา แบรนดอน เล่นฟุตบอลเก่ง แต่เขามีปัญหาที่หัวเข่า ตอนแรกหมอคิดว่าคงเป็นเพราะการเล่นฟุตบอล แต่มันกลายเป็นว่าเขาเป็นมะเร็งกระดูก
ครอบครัวโมเรยร่า มีการตัดสินใจที่ยากลำบากต้องทำ จะตัดขาเขาทิ้ง หรือ ทำเคมีบำบัดโดยหวังว่าจะกำจัดมะเร็งได้หมด แบรนดอนอยากจะเป็นนักฟุตบอล ความคิดที่ว่าจะต้องตัดขาทิ้งมันโหดร้ายสำหรับวัยรุ่น เขานึกภาพตัวเองขาหายไปข้างหนึ่งไม่ออก ครอบครัวของเขาเลยเลือกที่จะรักษาด้วยเคมีบำบัด
ตลอดช่วงเวลาแห่งการรักษา จอห์น ติดต่อกับผมเสมอ เขาอัพเดตอาการของ แบรนดอน ให้ผมทราบเป็นระยะ มันเลยเป็นสิ่งเจ็บปวดใจมากที่ทราบว่า การทำคีโมนอกจากไม่ได้ผลแล้ว มะเร็งยังลามไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วย จอห์น กับผม มีสายใยพิเศษผูกพันกัน และผมมีความรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องไปให้กำลังใจพวกเขา ผมเลยตีตั๋วเครื่องบินบินไป โตรอนโต้
แบรนดอน เป็นเด็กหนุ่มพิเศษ แทนที่ผมจะให้กำลังใจ แบรนดอน แต่ แบรนดอน กลับให้กำลังใจผมแทน เขาสงบ กล้าหาญ และสปิริตนักสู้ของเขาทำให้ภายในบ้านมีความสงบเงียบ เขาคือแรงบันดาลใจ แม้ตัวจะซูบเซียว และต้องใช้ท่ออ๊อกซิเจนช่วย เสียงพูดแผ่วเบาของเขาพูดแต่สิ่งที่ถูกต้องเสมอ เขาขอให้ทุกคนอย่าโมโห และพระเจ้าเป็นคนดี นี่คือเด็กอายุ 16 ! นี่คือของขวัญที่เขามอบให้เราทุกคน      
จอห์น พ่อของเขา บอกว่า แบรนดอน มีความปรารถนาที่อยากทำให้เป็นจริง หนึ่งในนั้นคือการไป โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และ ดู โรนัลโด้ ซ้อม ในสภาพการณ์เช่นนี้ ความปรารถนาของเขาน่าจะสำเร็จยาก แบรนดอนก็เหมือนกับเด็กๆ ทั่วโลก เขามี โรนัลโด้ เป็นไอดอล เขาคิดว่า โรนัลโด้ เป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ภาพของปีกชาวโปรตุเกส ตะบึงผ่านคู่แข่งอย่างง่ายดาย แปะไว้ที่ผนังห้องนอนของ แบรนดอน
จอห์น ขอร้องให้ผมช่วยติดต่อ โรนัลโด้ และขอให้เขาโทรศัพท์มาหาลูกชายที่กำลังจะตายของเขา ผมบอก จอห์น ว่าเคยร่วมงานกับ โรนัลโด้ ครั้งเดียวในทีมชาติโปรตุเกส ชุดยู-23 ดังนั้น โรนัลโด้ ในความทรงจำของผมเลยห่างไกลมาก แต่ผมจะทำอย่างเต็มที่ที่สุด ผมอยากทำให้ฝันของ แบรดอน เป็นจริง เขาเป็นคนที่น่าทึ่ง และอย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่ผมจะทำให้เพื่อน และลูกชายของเขาได้
ผมติดต่อไปหา คาร์ลอส เคยรอช โค้ชทีมชาติโปรตุเกส และเล่าเรื่อง แบรนดอน ให้ฟัง คาร์ลอส กับผมทำงานด้วยกันมาหลายครั้ง เรารู้จักกันมาหลายปี เราเหมือนพี่น้อง ผมบอก คาร์ลอส ว่า "ผมไม่ขออะไรคุณมากหรอก แต่นี่คือคำขอพิเศษ และมันจะมีความหมายกับผมมากถ้าหากคุณช่วยผม"  
คาร์ลอส ไม่ได้รับปาก แต่บอกว่า จะพยายามอย่างดีที่สุด แต่ผมรู้ว่าถ้าหากจะมีใครสักคนที่มีอิทธิพลพอช่วยผมให้ทำให้ฝันของ แบรนดอน และครอบครัวของเขาเป็นจริงได้ ก็ต้องเป็น คาร์ลอส เคยรอช การติดต่อกับ โรนัลโด้ ต้องผ่านคนหลายคน ทั้งเอเยนต์, ผู้จัดการ, ทนายความ และใครต่อใครอีกเยอะแยะ และคุณไม่มีทางรู้เลยว่ามันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่
คาร์ลอส โทร.กลับมาหาผมในวันเดียวกัน และบอกว่า "กำลังจัดการให้อยู่" ผมรู้ว่า คาร์ลอส จะจัดการให้ลุล่วงได้ ในช่วงระหว่างนั้น ผมรู้ว่า แบรนดอน เป็นแฟนบอลทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เบนฟิก้า และ ปอร์โต้ ผมเลยติดต่อไปหานักเตะที่ผมมีคอนแท็คด้วย และขอร้องให้พวกเขาช่วยโทรศัพท์มาหา แบรนดอน เพื่อให้กำลังใจเขา ให้เขาสู้ต่อไป ซึ่งก็มีทั้ง โชเซ่ โมเรยร่า จาก เบนฟิก้า, คาร์ลอส เคยรอช จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, และ วิคเตอร์ บาย่า จาก ปอร์โต้ ที่โทร.มาอวยพร และให้กำลังใจเขาให้สู้ต่อไป พวกเขาล้วนเป็นบุคคลพิเศษ แต่พวกเขาไม่ใช่ โรนัลโด้ ที่ยังไม่ได้โทร.มา
ผมจำเป็นต้องบินกลับไป ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ฮาร์ทฟอร์ด เพราะ ฮาร์ทฟอร์ด ฮอว์คส์ มีเกมค่ำวันเสาร์ ผมบินกลับไปวันศุกร์ วันเสาร์คือค่ำคืนพิเศษ ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ฮาร์ทฟอร์ด ชนะ ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ นิว แฮมป์เชียร์ และผมยังได้รับโทรศัพท์จาก จอห์น บอกว่า โรนัลโด้ โทร.มาแล้ว มันทำเอาผมโล่งใจ ผมรู้ว่ามันมีความหมายต่อ แบรนดอน มาก และจริงๆ แล้วเขายังรับปาก แบรนดอน ด้วยว่าจะโทร.มาหาอีกในวันรุ่งขึ้น
บ้านของ แบรนดอน เต็มไปด้วยเพื่อนๆ ที่มารอโทรศัพท์ของเขา โรนัลโด้ ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาโทร.มาหา แบรนดอน และทั้งบ้านมีความสุขกันยกใหญ่ สัปดาห์นั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเกมออกไปเยือน เชลซี ในเดือนกันยายน โรนัลโด้ รับปากอีกว่าจะส่งเสื้อแข่ง และรองเท้ามาให้ แบรนดอน ทำเอาเขาดีใจมาก แต่เป็นการพูดคุยที่เขาเก็บเอาไว้ในความทรงจำที่สุด เขาบอกว่า "ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมเพิ่งคุยกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไอดอลของผม ผมเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก" จากนั้น 2 วันถัดมา โรนัลโด้ ก็ส่งข้อความมาถามไถ่อาการของเขา
แบรนดอน เด็กอายุ 17 ปี เสียชีวิตวันที่ 3 ตุลาคม 2008 โรนัลโด้ ส่งรองเท้าพร้อมลายเซ็นต์, เสื้อแข่งใส่กรอบ และ ไปรษณียบัตร มาแสดงความเสียใจ แต่ในไปรษณียบัตรของเขามีข้อความที่ครอบครัวของ แบรนดอน ตื้นตันใจที่สุด มันมีใจความว่า "แชมเปี้ยนตัวจริงคือคนที่สู้จนลมหายใจสุดท้าย และนั่นคือภาพ แบรนดอน ในความทรงจำของผม" ผมกลับ โตรอนโต้ เพื่อร่วมงานศพของ แบรนดอน สิ่งของทุกอย่างของ โรนัลโด้ ถูกห่อเอาไว้ทั่วโลงศพของเขา มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ  
เดือนกุมภาพันธ์ผมกลับไป โตรอนโต้ เพื่อร่วมงานสัมนาผู้รักษาประตู จอห์น ชวนผมออกไปขับรถเล่น เราไปที่หลุมศพ แบรนดอน และผมอึ้งกับสิ่งที่เห็น เสื้อสีบรอนซ์ และรองเท้าของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่อยู่ข้างล่างมันคือคำจารึกข้อความของ โรนัลโด้
คาร์ลอส เคยรอช เชิญผมไปร่วมงานกับทีมชาติโปรตุเกส ในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก กับ อัลแบเนีย วันที่ 6 มิถุนายน 2009 และเกมกระชับมิตรกับ เอสโตเนีย วันที่ 10 มิถุนายน ชีวิตช่างน่าทึ่งจริงๆ แน่นอนว่าผมรับคำเชิญของเขาเพื่อร่วมงานกับทีมชาติโปรตุเกสด้วยความรู้สึกเป็นเกียรติ ทีมมีนักเตะแห่งปีของฟีฟ่า 2008 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รวมอยู่ด้วย การย้ายทีมของเขาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป เรอัล มาดริด มีค่าตัวแพงเป็นสถิติโลก 133 ล้านดอลล่าร์
ตอนครอบครัวของ จอห์น รู้ว่าผมจะได้ร่วมงานกับทีมชาติ พวกเขามีคำขอบางอย่าง พวกเขามีของหลายชิ้นที่อยากให้ โรนัลโด้ ช่วยเซ็นต์ให้ และพวกเขาเขียนการ์ดขอบคุณไปให้เขาด้วย ผมบินไป โตรอนโต้ เพื่อพบครอบครัวของ จอห์น และเอาข้าวของที่พวกเขาอยากให้ โรนัลโด้ เซ็นต์ จากนั้นก็ไป ลิสบอน เพื่อเข้าแคมป์ทีมชาติ พอไปถึงผมปล่อยให้ผ่านไป 2-3 วันค่อยไปหา โรนัลโด้ และอย่างที่คุณคงนึกภาพออก ทุกคนรุมทึ้งเขา บ่ายวันหนึ่งในระหว่างกินมื้อกลางวัน ผมกับโรนัลโด้ กินข้าวโต๊ะใกล้ๆ กัน ผมบอก โรนัลโด้ ว่ามีเรื่องพิเศษจะเล่าให้เขาฟัง และขอเวลาคุยกับเขา เขาตกลง และไปคุยกับผมที่ห้อง  
มันเป็นการพูดคุยที่เต็มไปแด้วยอารมณ์เมื่อผมเล่าเรื่องที่ว่าเขามีผลต่อ แบรนดอน, ครอบครัว และเพื่อนฝูงของเขาอย่างไรให้ คริสเตียโน่ ฟัง โรนัลโด้ นั่งฟังอย่างตั้งใจ
ผมอยากตอกย้ำความรับผิดชอบในฐานะนักกีฬาอย่าง คริสเตียโน่ ที่มีต่อเด็กหนุ่มอย่าง แบรนดอน ก็อย่างที่เราคุยกัน มันเป็นความรู้สึกอิ่มเอิบที่ได้เห็นด้านที่อ่อนไหว และมีน้ำใจของคนที่เป็นราวกับนักรบในสนาม สิ่งสุดท้ายที่ผมบอก โรนัลโด้ คือ แบรนดอน มีบันทึกประจำวัน และหน้าสุดท้ายมันเขียนว่า "ผมได้คุยกับ โรนัลโด้ ตอนนี้ผมก็ไปสวรรค์ได้แล้ว"

..... และนี่คือความจริงเบื้องหลัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ขอบคุณ คุณ A E Y A U D D A จาก พันทิปดอทคอม ที่นำมาเผยแพร่ด้วยครับ

มีปัญหาเพิ่มเติม เมลล์มาคุยกันได้ ครับ
jfk@2jfk.com
Back to -=Jfk=- Short Story
www.2jfk.com