Siam Naliga Project I
EPOS Big Date
Movement base Unitas Cal 6498-1
นาฬิกาที่ถือกำเนิดจาก
ความเห็นของ
คนรักนาฬิกา
กลุ่มเล็กๆ
ที่รวมตัวกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เรื่องนาฬิกาผ่านทางอินเตอร์เน็ต
ที่ต้องการเห็นคนไทยเราสร้างนาฬิกาของตัวเองขึ้นมาเป็น
Brand ของตัวเอง
แบบไทยๆ
แต่เนื่องจากติดปัญหาเรื่อง
ความจำกัดทางด้านเทคโนโลยี่และต้นทุน
ต่างๆ
จึงได้ข้อสรุปว่า
ขอก้าวแรกด้วยการทำนาฬิกา
ที่ระลึกเฉพาะของกลุ่ม
โดยเลือกจากนาฬิกา
ที่มีขายในท้องตลาดที่น่าสนใจ
นำมาติด Logo ของเรา
และทำจำนวนจำกัด
ให้กับเฉพาะหมู่สมาชิกที่สนใจ
นี่คือที่มาของ Siam
Naliga Project I ตัวนี้
ของพวกเรา
หลังจากที่เลือกกันมาหลายแบบ
หลายตัว หลายแนวคิด
ตั้งแต่ซื้อเครื่องทำตัวเรือนเอง
ไปจนกระทั่งสั่งมาทั้งเรือนแล้วทำโลโก้กันเอง
แกะ โรเตอร์กันเอง
ในที่สุด
ก็ได้ข้อสรุปออกมาที่
Epos Big Date
นาฬิกาเรือนใหญ่เครื่องสวยตัวนี้นี่เอง
ที่เป็นตัวแทน Siam Naliga
Project I และ
ที่ได้มาพร้อมกับนาฬิกาเรือนนี้ก็คือ
Logo
ประจำสยามนาฬิกาของเรา
จากการออกแบบของคุณ
Talaezia
สาวห้าวประจำชมรมเรานี่เอง
และยังนำไปถึงการก่อตั้ง
www.siamnaliga.com
ตามมาอีกด้วย
เริ่มแกะกล่องดูกันดีกว่า
กล่องข้างนอก
เป็นกล่องกระดาษสีขาว
ตอนมาทีเดียว 50
เรือนวางกองที่โรงเตี๊ยมบ้านหม้อ
ของคุณนน สนง.ใหญ่สยามนาฬิกา
ที่หลายคนยัดเยียดให้คุณนน
ต้องยอมรับ
บางคนบอกว่าเหมือนกล่องขนมเค็ก
ราคาสิบบาท :P
เข้ามาดูกล่องข้างใน
อ๊ะๆ
กล่องไม้ขัดมันลงยูเรเธน
สวยเข้าท่าแฮะ
ค่อยสมศักดิ์ศรี
นาฬิกาชั้นดี Limited Edition
หน่อย :P
แง้มฝากล่องเข้าไปดูข้างใน
บุหนังสีขาวสะอาดตาพร้อมหมอนหนังสีเดียวกัน
ไว้รองรับนาฬิกา
สีขาวเหมือนน้ำใจบริสุทธิ์
ของหมู่เราชาว Siam Naliga
เลย
คู่มือและใบประกันเล่มเล็กๆสอดมาเรียบร้อยในกล่องนี้
แต่พยายามหา Pusher
ที่กดตั้งวันที่
ซึ่งน่าจะมีมาให้แต่
กลับไม่เจอ
มาได้คำเฉลยจากเพื่อนๆที่หลังว่า
เค้าแถมมาให้ด้วย
แต่ฝากไว้ร้านก๋วยเตี๋ยว
เป็นไม้ไผ่ปลายแหลม
ใช้จิ้มได้
หยิบเอามาใช้ได้ตามสบาย
บอกว่า Epos ให้มาเอา
อ้อ Pusher
อันนี้ใช้แคะฟันได้ด้วยนะ
:P
มาดูหน้าตากันชัดๆ
ตัวเรือน Stainless Steel
ขนาดใหญ่ Diameter
ตัวเรือนที่กลมดิก
ขนาด42 มม. Diameter กระจก 36.2
mm ความหนาแค่ 11 มม.
ขนาดความกว้างของหูสาย
22 มม.
ใหญ่กว่ามาตรฐานทั่วไปเล็กน้อย
ตัวเรือนขัดมันเงาทั้งเรือน
หน้าปัดสีเงินสะอาดตาตัดกับ
เข็ม Blue Steel สวย
เข็มวินาทีเป็น Subdial
Second อยู่ที่ตำแหน่ง 6
น. ส่วนตัวเลขขนาดใหญ่
33 ที่ใต้ 12 น.อย่านึกว่าเป็นเลขหมายประจำเรือน
Limited Edition ล่ะ
อันนั้นคือ วันที่
แบบ Big Date แบบสองหลัก
ที่ทาง Epos
ใจดีแถมให้แทนที่จะบอกแค่
1-31 เหมือนคนอื่น
แต่เรือนนี้บอกตั้งแต่
00-39 วัน
แถมให้อีกหลายวันทีเดียว
ส่วนถึงเวลาสิ้นเดือนใครไม่อยากเท่ห์
เอาของแถม ก็ใช้ Pusher
จากร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไปกดเลื่อนวันที่ได้อย่างง่ายดาย
:P
บนหน้าปัดที่ดูเรียบง่าย
นอกจาก ชื่อ EPOS แล้ว
ยังมี
ความภูมิใจของพวกเราชาวสยามนาฬิกาประทับไว้
คือ ชื่อเว็บของพวกเรา
Siam Naliga และ
โลโก้รูปตัว S
ที่อ่อนช้อยงดงาม
ประทับอยู่ให้คนรุ่นต่อๆไปได้ระลึกถึง
นาฬิกาเรือนนี้
การมองอ่านเวลาไม่มีปัญหา
ตัวเลขอ่านได้ชัดเจนมาก
แต่ที่เข็มและมาร์คเกอร์ไม่มีการแตัมพรายน้ำ
ทำให้ไม่สามารถอ่านเวลาในที่มืดได้
แต่ทาง Epos กลับใจดี
แต้มพรายน้ำให้ที่เลข
12
โดดเด่นมองเห็นชัดในความมืด
หลายคนบอกว่าแต้มมาทำไม
ในเมื่อมองไม่เห็นเข็ม
แต่ความจริงแล้ว
นี่คือความละเอียดอ่อน
ของทาง ผู้จัดทำและ
Epos
เนื่องจากเรารู้ดีว่า
ชาวสยามนาฬิกานิยมใส่นาฬิกานอน
ดังนั้นด้วยขนาดที่ใหญ่และหนาหนัก
ถ้าใส่นอนละเมอ
อาจจะฟาดคนที่นอนข้างๆให้เกิดอันตรายได้
ดังนั้นพรายน้ำที่สว่างที่เลข
12
อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่พอมองเห็นได้ว่า
นาฬิกาเรือนนี้กำลังลอยมาฟาดถูกใคร
จะได้หลบได้ในความมืด
:P
มาดูด้านหลังกันตัวนี้เครื่องใช้เครื่อง
Unitas Caliber 6498-1 Jewels
ซึ่งเดิมเป็นเครื่องนาฬิกาพก
ทำให้มีขนาดใหญ่เป็นตัวเดียวกับที่ใช้
ใน Maurice Lacrouix Retrograde
แต่ว่ามีการ Modified และ
finished ต่างกันไป
กระจกหลังเปลือยใสให้เห็นเครื่อง
ที่ finihed
ได้สวยขัดตกแต่งลายแบบ
Cote de geneve สวยงาม
พร้อมกับใช้ Blue Steel Screw
ซึ่งให้ทั้งความแข็งแรงและสวยงามในตัว
ด้านข้างตัวเรือนขัดมันตลอดเช่นกัน
หนาไม่มากแค่ 11 มม.
ทำให้ใส่แล้วไม่รู้สึกอึดอัดกับขนาดที่ใหญ่ของตัวเรือนด้านข้างฝั่งตรงข้ามกับ
Crown มีรูเล็กๆ
ที่ไม่ใช่ Helium Valve
นะเพราะว่าตัวนี้กันน้ำได้ไม่กี่สิบเมตร
แต่ว่าเป็นรูสำหรับใช้
Pusher
หรือไม้จิ้มฟันจิ้มตั้งวันที่
แบบ Qucik Set
โดยมีวันที่แยกสองหลัก
ตั้งแต่ 00-39
ดังนั้นสิ้นเดือนที
ต้องจิ้มกันเกือบๆสิบวันนั่นแหละ
:P และข้างๆ
ช่องตั้งวันที่
จะสลัก Limited
และหมายเลขประจำเรือน
ไว้
สำหรับเรือนที่ผมเป็น
50/50
เรือนสุดท้ายของรุ่น
เจ้าของรักมาก
แต่ถึงอย่างไรก็ดี
ยินดีแลกกับ Lange Datograph PP
5059 หรือ แม้แต่ Chronoswis Opus
2 tone
ของใครบางคนแถวๆนี้
:P
สายที่มากับเรือนนี้เป็นสายหนังจรเข้สีดำ
ขนาด 22 มม. มากับ Buckle
Stainless Steel ประทับตา Epos
สวยเรียบๆ
จับประกบกับคู่แฝด
ที่ใช้เครื่องเดียวกัน
ML Retrograde Calendar
ขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงกัน
แต่ ML
ที่หน้าปัดแกะลาย
Guilloche และมี Power Reserve Scale
รูปใบพัด
กับวันที่รูปใบพัด
ดูจะเป็นต่อ
กว่าเล็กน้อย แต่ Epos
ได้เปรียบเรื่องวันที่อ่านง่ายกว่า
แถมราคา ต่ำกว่า
ประมาณ สี่เท่าตัว
อีกต่างหาก
แอบมาดูข้างหลังของทั้งสองตัวประกบกันอีกครั้ง
สวยกันไปคนละแบบ ML
ขัดลายวนเป็นวงกลม
ส่วน ลาย Cotes De Geneve
ตามขวางของ Epos
ก็สวยไม่แพ้กัน
และใช้ Blue Steel
กับทัมทิมสังเคราะห์สีสดใสตัดกันเช่นกัน
อันนี้ให้เสมอกัน
แต่ขอบฝาหลังของ ML
จะดูสวยกว่า
แถมตัวหนังสือที่บนกระจกของ
Epos
หลายคนบอกว่ามันบดบังความสวยงามของเครื่องไปเยอะทีเดียว
สรุป
ด้วยงบประมาณ 25000
กับนาฬิกา Swiss Limited Editon
เรือนงาม
เครื่องไขลานจากตะกูลดีพอใช้
โดยเฉพาะเป็นนาฬิกาที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนความผูกพันธ์ของสังคมเล็กๆแห่งนี้
มันมีค่าเกินคุ้ม
ที่จะเก็บไว้สะสม
และใช้งาน และอย่ามาถามซื้อผมซะให้ยาก
จ้างให้ก็ไม่ขาย
ยกเว้นแลกกับ Lange Datograph
หรือ Patek 5059
อย่างที่ว่าแหละ
อ้อ ถ้าตัวอื่นจะแลก
โทรถามก่อนล่ะกัน :P
|