สปอร์ต Roadster
ตัวเล็ก
จากค่ายมาสด้า
ที่ได้รับความนิยมจากนักนิยมรถสปอร์ตขนาดเล็กทั่วโลก
ซึ่งบางแห่งรู้จักกันดีในนาม
Miata
รถรุ่นนี้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่
ประมาณปี 92-93
และได่รับการตอบรับจาก
นักนิยมรถ Roadster
ในเมืองไทยเป็นอย่างดี
โดยรุ่นแรก
ที่นำเข้ามาเป็น
เครื่อง 1. 6 ลิตร และ
อีกสองสามปี
ต่อมาก็ได้มีการนำเข้า
รุ่นใหญ่กว่า คือ
รุ่น 1.8 ลิตร (แต่ไม่มี
ABS)
จนช่วงท้ายประมาณปี
95-96
จึงได้มีการนำเข้า
รุ่น 1.8 ลิตร(1840 CC)
ที่มี ABS
เพิ่มความปลอดภัยในการเบรคเข้ามาด้วย
และรุ่นนี้เป็นตัวสุดท้ายก่อนหยุดการนำเข้าในประมาณ
ปี 97
โดยทุกรุ่นที่นำเข้ามีแต่
เกียร์ธรรมดาล้วนๆ
ไม่มีเกียร์ออโต้
ให้เสียอารมณ์สำหรับคนรักการขับขี่แบบสปอร์ต
โดยราคาใหม่จาก Show
room
ในตอนนั้นประมาณ
เก้าแสนกว่าบาทเท่านั้น
แต่เนื่องจากไม่มีรถใหม่ออกมาขายอีกแล้ว
ช่วงระยะ สี่-ห้าปีที่ผ่านมา
ราคารถมือสอง
สภาพดี
สำหรับรุ่นนี้กลับไม่ลดตามอายุไปด้วย
แต่กลับสูงเพิ่มขึ้นซะอีก
เนื่องจากได้รับความนิยมจากคนรักรถ
สะสมรถทั้งหลาย
ในขณะที่รถสวยๆ
สภาพดี มีน้อยมาก
และแม้จะมี Mx5
ตัวใหม่ออกมา
อีกสองรุ่นแล้ว
ในราคา ใกล้ๆ
สองล้าน
พร้อมมีเกียร์ออโต้ให้ใช้
แต่หลายคน ก็ยัง
ตามหา Mx5
ตัวเก่าตัวนี้
กันอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
สำหรับ Miata ตัวนี้
เป็นตัว 1.8 ABS
เกียร์ธรรมดา 5 Speed
ออกมาในปลายปี 96
ผมเองได้ตัวนี้มือสอง
จากเพื่อนที่รัก
Miata คนนึง
โดยได้มาเมื่อประมาณ
ปี 99
โดยตอนนั้นไมล์อยู่ที่
ประมาณเกือบๆ 3
หมื่นโล
สภาพเดิมๆสวยๆ
จากโรงงาน
ไม่ได้มีการแต่งเครื่อง
ใดๆ เป็นรถขับสนุก
Handling ดีมาก
พวงมาลัยบังคับได้ดังใจ
เหมาะกับการใช้งานในเมือง
อัตราเร่งดี
เสียงเครื่องยนต์เพราะโดยเฉพาะตอนเร่งเครื่องเสียงดังเพราะ
หลังคาเลือกใช้ได้
ทั้ง หลังคาแข็ง
หลังคาอ่อน
หรือเปิดหลังคารับลม
ในวันอากาศดี
ผมเองใช้ขับเล่น
อยู่ประมาณ
หนึ่งปีกว่าๆ
แต่เนื่องจากความเป็นรถเล็ก
ถ้าขับในเมืองที่ความเร็วแถวไม่เกิน
160-170 ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเป็นการเดินทางไกลใช้
ความเร็วสูง ระดับ
200 หรือใกล้เคียง
ผมเองเลือกใช้รถใหญ่มากกว่า
ดังนั้นพอเริ่มเบื่อ
จึงได้ยกให้พี่สาวเอาไปใช้สอนหนังสือในมหาลัยแทนอีกประมาณสองสามปี
แต่ตอนหลังเค้าออกรถใหม่
ก็เลยส่งคืนคืนมาให้อีกซักพัก
พอดี
ใช้รถคันอื่นบ่อยกว่า
จะปล่อยทิ้งไว้ไม่ค่อยได้ใช้ก็เสียดาย
และเห็นเพื่อนๆ
หลายคนเคยลงประกาศ
หา ซื้อ MX5 กันบ่อย ๆ
ก็เลยตัดสินใจปล่อยให้คนอื่นรับไปเลี้ยงดูต่อแทน
หลังจากอยู่กับผม
ประมาณ สามสี่ปี
ไมล์เพิ่มไปเป็นประมาณ
7 หมื่นกว่าโล
และที่ต้องจดจำก็คือ
รถคันนี้เป็นคันเดียว
ในบรรดารถเกือบสามสิบคันที่ผ่านมือมาใช้
ที่ใช้แล้วได้กำไร
เนื่องจาก ตอนซื้อ
ซื้อมา 6.2 แสน
แต่ตอนขาย
ขายไปได้ 6.8 แสน
ชนิดที่คนแย่งกันขอซื้ออีกต่างหาก
:P
และไม่น่าเชื่อ
ณ ปี 2008 สิบกว่าปี
ที่รถคันนี้
ออกมาแล้ว (หลังจากผมขายไป
3-4 ปี) รถรุ่นนี้
ก็ยังคงมีราคา
อยู่แถว 7-8 แสนบาท
ตามสภาพ
เนื่องจากเป็นรถที่หลานคนเก็บสะสมกัน
เป็น Classic Car
ไปอีกตัวแล้ว
(รูปชุดนี้เป็นรูปชุดเก่า
ที่ถ่ายเก็บไว้
ภาพอาจจะไม่ค่อยสวย
อ่ะ:P )