-=Jfk=- Car Experience

Mini Cooper 1.6

Specification
น้ำหนัก ตัว 1150 Kg. ขนาดเครื่องยนต์ 1.6 L แรงม้าสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที
เกียร์ อัตโนมัติ แบบ CVT 6 Speed with Steptronic (Triptronic)
ระบบเบรค Disc Brake หน้า หลัง พร้อม ABS
ระบบควบคุมการทรงตัวรถให้มีเสถียรภาพ( DSC ) ช่วยป้องกันการสูญเสียการทรงตัวขณะเร่งหรือเข้าโค้ง ช่วยแก้ภาวะ อันเดอร์เสตียร์ และโอเวอร์เสตียร์โดยตัดกำลังเครื่องยนต์ที่ส่งไปยังล้อ และสั่งเบรคล้อที่เคลื่อนที่เร็วเกินโดยอัตโนมัติ
ระบบป้องกันขโมยพร้อมกุญแจ ระบบ Immobilizer พร้อมรีโมทคอนโทรล และ central lock
กระจกไฟฟ้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Jam Protection ป้องกันการหนีบโดยอุบัติเหตุ
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
Sun Roof กระจกไฟฟ้า สำหรับที่นั่งตอนหน้า พร้อม Moon Roof สำหรับที่นั่งตอนหลัง
ระบบ Sensor เตือนลมยางอ่อน อัตโนมัติ
Sensor ถอยหลัง ช่วยกะยะ ในการจอด แสดงผลด้วยเสียงสัญญาน
ล้อ Mag 15 นิ้ว ลายกาบกล้วย แปดก้าน พร้อมยางเดิมติดรถ 175/65/15 แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ 185/65/15 เนื่องจากยางเบอร์เดิมมีขายแต่ของบริษัท เส้นละเกือบหกพันบาท แต่ยางเบอร์ใหม่ที่ใช้ หาซื้อได้ทั่วไปราคาแค่ สองพัน :)
ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร (ใช้น้ำมัน ไร้สารตะกั่ว Octane 95 หรือ Gassohol 95)

สมรรถนะ
อัตราเร่ง 0-100 ใน 9.1 วินาที (เคลมจาก โรงงาน)
ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ 185 กม./ชม.
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันในเมือง 9 โลลิตร (ใช้จริง ประมาณ 8 โล /ลิตร)
วิ่งทางไกลนอกเมือง 16 โล/ลิตร (ใช้งานจริง ความเร็วประมาณ 120 = 12-13 โล/ลิตร ,ความเร็ว 160 ประมาณ 10 โล/ลิตร)

ด้านหน้า หน้าตาดูสวยน่ารัก มองไปคล้ายคนยิ้ม บางคนว่า คล้าย Beetle เก่า แต่หลายคนว่าสวยดูมีเสน่หกว่า โดยเฉพาะ โคมไฟคู่หน้ากลม รี ดูคล้ายลูกตาสาวแสนซน :)

-

แม้รถจะเล็ก แต่ส่วนใหญ่ของรถ เป็นกระจก เกือบทั้งหมด ทำให้ทัศนวิศัยในการมอง ดีพอใช้ ไม่อึดอัดมากนัก กระจกประตูบานหน้าเป็นแบบไม่มีกรอบ (เป็นบานกระจกกระดิก เมื่อเปิดออกจะตกลงให้พ้นขอบประตู แต่เมื่อปิดเข้าไปจะกระดิกขึ้นซ่อนในขอบกันฝน:) )

ด้านท้ายตัด แต่มีความโค้งมน แม้จะดู แล้วแปลกๆ แต่ส่วนใหญ่ บอกว่าดูน่ารัก มากว่า น่าเกลียด :) กันชนท้ายสีเดียวกับตัวรถ พร้อมไฟเบรคดวงที่สามที่ขอบหลังคาด้านบน

มองจากด้านข้าง ชัดๆ จะเห็น ว่า แม้รถจะเล็ก แต่การที่วางตำแหน่งของล้อทั้งสี่ ที่มุมสุดของรถทั้งสี่มุม ทำให้ รถที่มีฐานล้อ กว้าง และยาว ส่งผลให้การทรงตัว เกาะถนนดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกเหมือนกับการขับโกคาร์ท :)

ประตูท้ายเปิด ออกได้กว้าง ด้านท้ายของเบาะหลังมีที่เก็บสัมภาระได้เล็กน้อย ถ้าต้องการบรรทุกของมากๆ ก็สามารถพับเบาะหลัง แยกลงไป ด้านเดียวหรือพับราบลงไปทั้งสองด้านได้ (เห็นเล็กอย่างๆ นี้ แต่ใช้ขนจักรยานไปแข่งมาแล้วนะ อิๆ :)

การตกแต่งภายในต้องยอมรับว่า จุดหนึ่งที่โดนใจ กับ มินิ คูเปอร์ นอกจากรูปทรงภานอกก็คือ การออกแบบภายในห้องโดยสารแม้จะใช้วัสดุง่ายๆ อย่างเบาะหนังสลับผ้า หรือ บานประตูหนังสีแดงตัดกับโครงไฟเบอร์สีเงิน แต่ว่าสี สันและการออกแบบ สวยสะดุดตาให้ความรู้สึกล้ำยุค เหมือนอยู่ในยานอวกาศ :)

เบาะนั่งด้านหลังแม้จะแคบไปนิด แต่ก็พอให้ผู้ใหญ่สองคนนั่งได้สบายๆสำหรับครอบครัวผม ผู้ใหญ่สอง เด็กโตสามคน ก็พอที่จะยัดกันไปได้ สำหรับการใช้งานในเมือง เห็นแคบๆ อย่างนั้น ยังอุตส่าห์ทำที่วางแก้วน้ำให้อีกใบแน่ะ :P

หลังคาด้านหน้า มีSun Roof กระจก พร้อม ม่านกรองแสงด้านหน้า ควบคุมการเปิดปิดด้วยไฟฟ้า
ส่วนด้านหลังเป็น Moon Roof กระจกติดตาย พร้อมม่านกรองแสงเปิดปิดด้วยมือ (แต่เพื่อให้กรองความร้อนได้ดีขึ้นกระจกทั้งสองบาน ได้ติดฟิล์ม V Cool ใสเพิ่มเข้าไปทั้งสองบานซึ่ง ช่วยลดความร้อน เข้ามาในตัวรถได้มากทีเดียว)

พวงมาลัยหุ้มหนังแท้ นุ่มมือ ปรับระดับได้ สังเกตุ มาดวัดรอบถูกนำมาไว้ตรงกลาง พวงมาลับ แทนตำแหน่งมาตรวัดความเร็ว วงกลมเล็กๆ ที่หน้าปัด เป็นปุ่มแสดงฟังชั่นเตือนต่างๆ

มินิเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่สุด ในตลาดรถบ้านเราตอนนี้ ถ้าไม่นับ มิร่า แต่ว่า สังเกตุมาตรวัดความเร็ว เท่าที่ดูแล้ว คิดว่า น่าจะเป็นมาตรวัดความเร็วที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดา รถที่มีจำหน่ายปัจจุบัน ถ้าไม่นับ พวกรถทัวร์ หรือรถบรรทุก (หรือ เผลอๆ พวกนั้นก็ยังเล็กกว่า :P

คันเกียร์ออโต้ สั้นกระชับมือ ปรับเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองได้ ด้วยกลไกSteptronic แผงควบคุมต่างๆเกือบทุกอย่างรวมกันที่คอนโซลกลาง ออกแบบปุ่มบังคับ ให้ดูคล้าย ปุ่มบังคับใน Cockpit ของเครื่องบิน

ความเห็นในการใช้งาน
Mini ในตลาดเมืองไทย จัดเป็นรถ ที่เรียกว่าเป็นตลาด Nich Market หรือตลาดรถหรู เน้นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ หลายคนบอกว่า ราคาแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็น แต่ที่แปลกกว่านั้น ก็คือ ราคารถมือสอง ของมินิ ตกลงน้อยมาก เมื่อเทียบกับรถอื่น อย่าง มินิโรเวอร์ ซึ่ง เคยนำเข้ามาขายในไทย เมื่อสิบกว่าปีก่อน ราคา 7 แสนบาท แต่ปัจจุบันมือสอง สิบปี ก็ยังขายกันแถว 7 แสนบาท แถมหาสวยๆ ยากอีกต่างหาก
ส่วนมินิคูเปอร์ใหม่ อย่างของผมซื้อมา สองล้านกว่านิดๆ ใช้ไป สองปีกว่า มือสองยังราคาอยู่แถว 1.7 ล้านกว่าๆ แถมไม่ค่อยมีคนขาย มีแต่คนรอซื้อ แปลกแต่จริง :)
การใช้รถมินิ ส่วนใหญ่ มักใช้เป็นรถคันที่สอง สาม สี่ หรือ ห้าของบ้าน มากกว่าเป็นรถคันเดียว บางคนเรียกว่า weekend Car หรือ รถที่ใช้ขับเล่นวันหยุด เป็นรถขับสนุก แม้เครื่องของ Cooper ธรรมดา จะไม่แรง เท่าตัว Cooper S แต่ว่า 115 แรงม้า เต็มๆ จากเยอรมัน ที่ลากรถหนักตันนิดๆ นี่ ไม่อืดเลย เสียงเครื่องยนต์เพราะดี แต่เวลาเหยียบแรงๆ เสียงเครื่องมันบอกเลย ว่าตูสูบน้ำมันเอ็งหนักๆแล้วนะ อิๆ :P
จุดเด่นของมินิ คือการเป็นรถขับสนุก อย่างที่เค้าบอกแหละว่า Drive Like a ko cart เวลาขับเลื้อยไปมันจะเหมือนล่องลอยไป แบบมั่นคงเหมือนกับขับโกคาร์ทจริงๆ สนุกไปกันมัน อย่างที่เคยบอกว่ามันเป็นรถไม่แรงแต่ขับสนุก
เรื่องความแปลกตาน่ารัก ของมินิ อาจจะเป็นอีกเหตุผลนึงที่ให้ความพอใจ กับเจ้าของ มินิเป็นรถที่สะดุดตาคนบนท้องถนน (เวลาขับมินิ ถูกคนมอง คนทัก มากซะยิ่งกว่า ขับ SLK ซะอีก) บ่อยครั้ง ที่คนที่ผ่านมาเห็น จอดรถลงมาแถวไฟแดงเพื่อเคาะกระจกถามว่า รถอะไร ซื้อได้ที่ไหน (แต่เมื่อบอกราคาหลายคน จะร้องโอ้โห :) )
อีกอย่างที่ได้จากการใช้มินิ นอกจากการได้ใช้รถที่ขับสนุกแล้ว บริการหลังการขาย และ กิจกรรมต่อเนื่องที่ทาง BMW ไทยแลนด์ ทำกิจกรรมต่อเนื่องกับลูกค้ามินิ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ลูกค้ามินิ ยังคงเป็น Mini Lover กันต่อไป
สำหรับบ้านผม มินิ ยังคงจะอยู่เป็นสมาชิก ต่อไป คงจะไม่ขายแน่ เพราะว่าแฟนผม เค้าโปรดมากเป็นพิเศษ ถ้าจะขาย ก็คงเป็นการขายเพื่อเปลี่ยนไปเป็นพี่ใหญ่ Cooper S Triptronic ที่เพิ่งออกมา (ตอนที่ออก Cooper ตอนนั้น Cooper S มีแต่ เกียร์แมนน่วลซึ่งแฟนผมเค้า ขับไม่ถนัด น่ะ)
ฝากไว้สำหรับผู้ใช้มินิ ท่านอื่น
อันนี้ อาจจะเรียกว่า เป็นประสบการณ์ด้านลบ สำหรับมินิ ที่อาจจะเป็นอันเดียว แต่ก็ไดัรับการแก้ไขไปแล้วด้วยดี นั่นคือ มินิเป็นรถที่เตี้ยติดพื้น ครั้งแรกเมื่อผมไป แข่งแรลลี่ ไปพัทยา สัตหีบ กับทาง มินิไทยแลนด์ แล้วแวะกลับมาที่บางแสน ซึ่งมีถุงพลาสติคตามพื้นมาก ปรากฏว่า ถุงพลาสติคเข้าไปติดพัดลมหม้อน้ำทำให้ฟิวส์มันขาดไม่ทำงาน ตอนแรกไม่ทราบสาเหตุ ต้องเอารถเข้ามาที่ศูนย์ มินิที่ลาดพร้าว ทิ้งไว้หนึ่งคืนช่างบอกว่าถุงเข้าไปพัน จัดการเปลี่ยนฟิวล์และถ่ายน้ำยาหม้อน้ำให้ ค่าใช้จ่ายไม่กี่ร้อยบาท ก็ยังนึกชม ว่าบริการดี ไม่ฟัน ลูกค้าแฮะ
แต่แล้ว อีกหลายเดือนต่อมา ผมไปแข่งกีฬา ที่บางแสนอีกที ที่เดิม เหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นอีก ถุงพลาสติคติดอีก ความร้อนขึ้นผมพยายามแกะออกแล้วหาฟิวส์ ที่คุมพัดลมหม้อน้ำ แต่หาแล้วไม่เจอ ปรีกษากับศูนย์ฮอตไลน์ ก็ช่วยอะไรไม่ได้ สุดท้ายต้องเอารถเข้าศุนย์เดิมเวลาเดิมคือ กลางคืนทิ้งไว้ค้างคืน ปรากฏว่า ฟิวส์ มันมีอีกชุด อยู่ที่ในห้องโดยสาร ตรงนั้นขาด หลังแก้ไข ผมเห็นว่า การที่ถุงพลาสติคเข้าไปในพัดลม หนึ่งครั้ง ถือได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้าสองครั้ง อย่างนี้ มันน่าจะเรียกว่าเป็น Defect ในการออกแบบแล้ว จะให้คนขับเลี่ยงเอง คงไม่ถูก ก็ ถามไปทางมินิ ว่าจะมีวิธี แก้ไขอย่างไร ทางช่าง ก็บอกว่า จะขอเคลม มอเตอร์พัดลมหม้อน้ำรุ่นใหม่ซึ่งมีตะแกรง กันถุงเข้าไปติดให้ (ฟรี) ก็โอเค ครับ ปัญหาหมดไป และคิดว่า ทางมินิ คงทราบปัญหาแล้ว ถึงได้มีการออกแบบพัดลมหม้อน้ำรุ่นใหม่ซึ่งมีตะแกรงป้องกัน มาพร้อม อย่างนี้
สำหรับคนใช้มินิ ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ ลองติดต่อกับ ทางมินิ ดูนะครับ

เพิ่มเติม เรื่องการดูแล และค่ารักษาบริการ

เจอประสพการณ์ที่ไม่น่าประทับใจ เกี่ยวกับเรื่องการบริการ ที่ดูแล้ว ไม่ค่อยแฟร์นัก ฝากเพื่อนๆ ลองพิจารณา ดูที่เคยโพสต์ไว้ที Pantip.com อันนี้ครับ

http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2006/12/V4983013/V4983013.html

และจากประสบการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมตัดสินใจ ขาย Mini คันนี้ทิ้งไป ทั้งที่ชอบรถมันพอสมควร แต่ยอมรับเรื่องบริการ ไม่ได้

Visit Jfk Car Gallery

www.2jfk.com

มีข้อแนะนำ หรือ ข้อมูลเพิ่มเติมแนะนำได้ครับ

jfk@2jfk.com