Leptospirosis หรือ
โรคไข้ฉี่หนู
สาเหตุ
โรคนี้เกิดจากเชื้อ
leptospira Interrogans
ซึ่งในเมืองไทยมีหลาย
Serotype
แยกระบาดตามที่ต่างๆไม่เหมือนกันและรุนแรงต่างกันไป
ปกติเชื้อนี้
จะอาศัยและระบาดอยู่ในสัตว์
ต่างๆ หลายชนิด
รวมทั้งสัตว์ตะกูลหนู
แม้แต่สัตว์บางตัวที่ไม่เป็นโรค
ก็ยังเป็นพาหะ(มีเชื้อแต่ไม่มีอาการผิดปกติ
)และ
พบเชื้อที่ไตของสัตว์นี้
ซึ่งจะขับออกมากับปัสสาวะของสัตว์ได้
เชื้อที่ปนออกมาในปัสสาวะของสัตว์ปกติ
จะมีอายุที่จะติดต่อไปยังคนหรือสัตว์อื่นได้ภายในประมาณ
6-48 ชม.ก่อนที่จะตาย
แต่ถ้าอยู่ในที่ชื้น
และอุณหภูมิสูงๆเกินกว่า
22 องศาเซลเซียส
เช่นบ้านเรา
เชื้ออาจจะอยู่ได้นานหลายสัปดาห์
ดังนั้นในหน้าฝน
ที่มีน้ำขังชื้นแฉะ
เชื้อนี้จึงระบาดได้ง่ายในบ้านเราเมื่อคนไปเดินลุยน้ำขังสกปรก
หรือขับรถจักรยานยนต์ผ่านหลุมน้ำ
ที่มีเชื้ออยู่
แล้วได้รับน้ำที่มีเชื้อ
มาสัมผัส
ระยะฟักตัว
ระยะฟักตัวของโรคก่อนมีอาการ
พบได้ ตั้งแต่ 2-26
วันหลังจากรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
แต่ที่พบบ่อยมักจะอยู่ในช่วง
7-13
วันหลังสัมผัสเชื้อ
อาการ
ผู้ป่วยมักจะมาด้วยไข้สูง
หนาวสั่น
ไข้จะสูงขึ้น
อย่างรวดเร็ว
มีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวโดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่องต้นขา
และหลัง กดเจ็บ
บางครั้งมีเสียวร้าวไปตามเส้นประสาท
อ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร
คอแดงอักเสบ
บางครั้งดูเผินๆ
อาการจะคล้ายไข้หวัดใหญ่
บางคนอาการต่างอาจหายไปได้เองเหมือนไข้หวัดใหญ่
เช่นกัน
ข้อสังเกตุ อีกอย่างซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่สำคัญสำหรับโรคนี้
คือ ลักษณะของไข้
จะเป็น 2ระยะ(Biphasic)
ระยะแรกกินเวลา
4-9
วันเป็นระยะที่เชื้อกระจายเข้าสู่กระแสเลือด
จะทำให้มีไข้สูงขึ้นมากอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไข้จะลดลงเข้าสู่ระยะพักประมาณ
1-3
วันก่อนเข้าสู่ระยะที่สอง
ระยะที่สอง
ไข้จะเริ่มกลับขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้
มักจะไม่สูงมากเท่าระยะแรก
เชื่อว่าเกิดจากปฏิกริยาต่อภูมิต้านทาน(Inmmune)
ต่อเชื้อนี้
ที่มีต่อร่างกายของเราเอง
ระยะนี้มักกินเวลา
ประมาณ 1-3
วันเช่นกัน
อาการเฉพาะอันหนึ่งของโรคนี้
นอกเหนือไปจากอาการข้างบนคือ
มักจะพบ ตาแดง (เส้นเลือดฝอยในตาขาวขยายตัว
บางครั้งจะพบจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง
ร่วมด้วย
ในรายที่อาการรุนแรง
จะมีอาการแทรกซ้อนทางตับและไตร่วมด้วย
(เรียกภาวะของโรคนี้ที่
มีอาการทางไต
และตับร่วมกันของโรคนี้
ว่า Weil 's Syndrome)
อาการทางตับ
จะพบตับโต
เจ็บแถวบริเวณชายโครงขวา
มีดีซ่าน(ตาเหลือง
ตัวเหลืองปัสสาวะสีเหลืองเข้ม)
อาการทางไต จะตรวจพบไข่ขาว
มีเม็ดเลือดขาว
ออกมาในปัสสาวะ
ถ้ารุนแรงมากขึ้นจะมีอาการไตวายได้(ปัสสาวะจะออกน้อยถึงไม่ออก
ตรวจพบค่า BUN Creatinine
ในเลือดสูงขึ้น)
อาการอื่นที่อาจจะพบร่วมด้วยเช่น
เลือดออกตามที่ต่างๆ
เช่นไอเป็นเลือด
อาเจียรเป็นเลือด
เลือดกำเดาไหล
เลือดออกตามมผิวหนัง
หรือบางครั้ง
มีเลือดออกตามกล้ามเนื้อและอวัยภายในด้วย
อาจจะมีอาการทางสมอง
ทำให้มีอาการปวดศรีษะ
อาเจียร
คอแข็งถึงชักหมดสติได้
ถ้ามีอาการทางสมอง
(มักเกิดจาก Serotype "canicola")
ถ้าเจาะน้ำไขสันหลัง
มักพบเป็นแบบ Aseptic
Meningtitis
มีเม็ดเลือดขาว
ขึ้นได้บ้าง
แต่ไม่สูงมากนัก
และมักเป็นชนิด
Lymphocyte (คล้ายพวกไวรัส)
บางคนพบอาการของปอดอักเสบ
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ร่วมด้วยก็ได้เช่นกัน
การรักษา
ใช้ pennicillin
ฉีดขนาดประมาณ 6-20
ล้าน ยูนิต ต่อวัน
พยากรณ์โรค
ถ้าเป็นในคนหนุ่มสาว
มักจะดี
อัตราการตายประมาณ
10%
แต่ถ้าคนอายุมากกว่า
50 ปีขึ้นไปที่มีอาการรุนแรง
อัตราตาย
อาจจะสูงมากกว่า 50%
ขึ้นไป
การป้องกัน
หลีกเลี่ยงการลงไปสัมผัสกับน้ำสกปรก
หรือ
รีบล้างทำความสะอาดเมื่อสัมผัสเชื้อ
กำจัดแหล่งขยะ
อันเป็นที่อาศัยของสัตว์พวกหนู
อันเป็นตัวแพร่เชื้อ
และกำจัดแหล่งน้ำขัง
ปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติดังกล่าวข้างต้น