-=Jfk=- Car Experience

Toyota Harrier 2.4 L Premium

ถ้าถามว่ารถอะไรเอ่ย ที่ไม่ค่อยยอมติดชื่อ Brand ตัวเอง และรุ่นตัวเอง กันมากที่สุดในไทย

หลายคนคงเดาถูก แม่นแล้ว มันคือ Toyota Harrier รถคู่แฝด กับ Lexus RX ของค่ายเดียวกัน ที่ทำตลาดอยู่ในกลุ่มบน ในหลายประเทศ
สำหรับประเทศไทยเรา ทาง Toyota เองก็ไม่ได้เอา Harrier เข้ามาทำตลาด แต่ว่า นำเข้าตัว Lexus RX เข้ามาทำตลาดโดยผ่านทาง Dealer Lexus แทน
แต่ด้วยราคา ของ Lexus RX มีราคาสูงกว่า Harrier ค่อนข้างมากทำให้ Grey Market หลายแห่ง ได้ช่องทาง แข่งขันโดยการนำเข้า Harrier มาขาย และเพิ่มอ๊อปชั่นต่างกันเข้ามาเต็มที่ จนมากกว่า Lexus ด้วยซ้ำไป และเมื่อนำเข้ามาแล้ว หลายแห่ง ก็จัดการเปลี่ยน Logo Lexus และ RX เข้าไปแทน Toyota Harrier จน ทำให้แยกไม่ออก ว่าอันไหน คือ Lexus อันไหนคือ Harrier แปลงมา
และก็ได้รับการตอบรับ จากผู้ใช้ ที่ต้องการ รถสวยราคาไม่แพงนัก แต่คุณภาพดี จนทำให้ เราพบว่า RX300 ที่วิ่งบนท้องถนนบ้านเรา นี่ กว่า 90% เป็น Harrier ที่เปลี่ยน Logo กันมามากกว่า ตัว Lexus Rx300 จาก ศูนย์จริงๆ เป็นสิบเท่า
ด้วยเครื่องยนต์ และหน้าตา ที่มันฝาแฝดเหมือนกันเกือบหมดจากโรงงาน ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนโลโก้ หน้าหลัง โลโก้ ที่ล้อ ออกไปหมดแล้ว ก็ทำให้แยก ระหว่าง สองตัวนี้แทบไม่ออก
แต่จุดสังเกตุ ง่ายๆอันนึง ของ Harrier ที่แปลงเป็น Lexus ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนโลโก้ ก็คือ ที่พวงมาลัย ซึ่งยังคง มีตรา สามห่วงของ Toyota แทนที่จะเป็น L ของ Lexus เนื่องจากเค้าว่ากันว่า ถ้าเปลี่ยนต้องเปลี่ยนทั้งพวงมาลัยเลย ไม่มีโลโก้แยก(ผมเองก็แปลกใจ ไม่ยักมีใครทำโลโก้ ที่มันปิดทับ ลงไปบนโลโก้เก่า หว่า ไม่เห็นยากเลย เด๋วปั๊ดทำขายซะเองเลย อิๆ)

ตัวนี้ก็เช่นกัน เห็น Logo Lexus RX 300 บั้นท้าย และ Logo L ของ Lexus อยู่รอบคันอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วมันคือ Toyota Harrier 2.4 ตัว L Premium แปลงกายเหมือนชาวบ้านเค้านั่นแหละ
คันนี้เอาเข้ามาเสริมทัพเป็น SUV ภายในบ้านแทน
Toyota Fortuner คันเก่าที่ใช้งานมัน ลุยมา ราวๆสามปี วิ่งไป แสนกว่ากม. (สำหรับการลุยเที่ยวป่าเขาโดยเฉพาะ)
ความที่ ทั้งครอบครัวชอบเที่ยวป่า และเขา และขับรถเร็ว ตอนใช้ Fortuner ก็โอเคในระดับนึง แต่พอขับเร็วๆ มากๆ เข้าโค้งแรงๆ ก็แอบมีเสียวเป้นครั้งคราว ก็เลยอยากได้ Lexus หรือ Harrier มาแทน จะถอย Lexus Rx 350 แท้ๆ ตอนนี้ ก็ปาเข้าไป5.5 ล้าน ทุบกระปุกหมูออมสิน หมดทุกใบก็ยังไม่พอ ก็เลยเอาคันนี้ แทนไปก่อนล่ะกัน :P

คันนี้เลือกสียอดนิยมในยุคนี้คือ สีขาวมุก ที่แม้จะดูแลยากหน่อยแต่แลกกับความสวย ก็ยอม อิๆ และตั้งแต่ออกมา ทางศูนย์จัดการเปลี่ยน โลโก้ ให้กลายเป็น Lexus RX 300 ปลอมไปซะแล้ว ก็เลยตามเลย ใช้ของปลอมตาม นิยมกับเค้าไปมั่ง :)


คันนี้ กระจก ประตูด้านหลัง ทั้งสองบาน และ กระจกบานหลัง ตลอดจนและซันรูฟ เป็นกระจกดำ เข้ม ว่ากันว่าเป็นไสตล์ของรถนำเข้าที่ ให้ผู้โดยสารตอนหลังที่มักเป็นผู้บริหารมีความเป็นส่วนตัว มองจากภายนอกไม่เห็น แต่กระจกประตูคู่หน้านั่นใส เพื่อให้คนขับรถมองเห็นได้ชัด เวลาขับขี่โดยเฉพาะในเวลากลางคืน จนเด๋วนี้ รถประกอบในประเทศ ก็ยึดเป็น Trend ตามติดฟิล์มบานหลังเข้มทึบ บานหน้าใสกันเป็นแถบๆ
แต่ คันนี้ในรูปที่เห็นนี่ บานหน้า นั่นติด ฟิล์ม ใส L60  Max Special ตัว Top ของ Lamina ที่ใสปิ๊ง กันความร้อนได้ดี มากเนื่องจากมีส่วนผสมของผลึกทองคำในเนื้อฟิล์ม
ส่วนกระจกประตูหน้าที่เห็น ติด ฟิล์ม APL45 NXRPS (เทานกพิราบ)  สีอ่อนๆ แต่ ประตูบานหลัง และ กระจกหลัง ที่เห็นมืดนั่นยังไม่ได้ติดฟิล์มเลย (จริงๆสั่งติด APL45 NXRPS (เทานกพิราบ)   เข้าไปเหมือนด้านหน้าด้วย แต่เด็กติดฟิล์ม เห็นกระจกดำๆ คิดว่าติดฟิล์มไปแล้วมั้งเลย ไม่ติดมาให้เฉยเลย ผมไม่ได้ไปรับรถเอง กลับมาถึงบ้าน อ้าววววววว ชุดหลังไม่ได้ติดทั้งชุดนี่หว่า ต้องไล่ไปติดใหม่ อิๆ
บานประตูหลัง สั่งเปิดปิดด้วยไฟฟ้า ด้วยรีโมทคอนโทรล หรือปุ่มเปิดปิดที่คนขับ หรือ ตรงฝาท้ายก็ได้สะดวกดี และตัดปัญหาการปิดกระแทกแรงๆ ให้หมดไป

ซันรูฟ ตัวนี้เป็นกระจกสามตอน (บางคนก็เรียก Glass Sunrrof นี่เป็น Moonroof ก็แล้วแต่จะเรียก) แยกเป็นกระจกสามชิ้นเปิดกว้าง เป็นกระจกดำเหมือนกัน เลยติดฟิล์มกันความร้อน แค่ APL45 NXRPS (เทานกพิราบ)  เหมือนกัน กระจกทั้งสามบาน ของซันรูฟ ที่ใหญ่รวมๆกันทำให้หลังคาทั้งหมดกลายป็นกระจกเกือบทั้งหมดทำให้ หลายคนเรียกมันเป็นหลังคาแก้ว หรือ Parnoramic Glass Roof กันไปก็มี


ม่านกันแดดของ Sunroof แก้วเวลารูดปิดกลายเป็นหลังคาทึบไม่มีแสงรบกวน

เดินดูรอบคัน คันนี้ถ้ามองจากภายนอก จะเห็นกว่ากระจกพวกรถด้านคู่หล้งนี้ ทึบเข้มมากจนมองไม่เห็นในรถเลย แต่ ถ้าดูจากในภาพ จะเห็นว่ามองจากในรถ ไม่ค่อยทึบเท่าไร รวมทั้ง ตัวกระจกประตูหลัง และบานหลัง ที่ดำเหมือนกัน หลังจากติดฟิล์มไปแล้ว มองจากข้างนอกมาไม่เห็นเลย

แต่มองจากข้างในออกไป นี่ใสเกือบเท่าๆกับกระจกประตูคู่หน้าที่เป็นกระจกใสเลย แปลกดีเหมือนกันยังกะกระจกมองทางเดียวแน่ะ :P
ล้อแม็กซ์ตัวมาตรฐาน จะใช้ Mag ขนาด 17 นิ้วกับยาง 225/65R17 แต่ ตัว L Premium จะให้มาเป็นMag 5 ก้าน ขอบ18 พร้อมยาง Goodyear Eagle RS-A 235/55/18 ยางซีรี่ย์ไม่ต่ำมาก จนกระด้าง และไม่สูงมาก จนขาดความสวยงาม เรียกว่า กำลังพอดีๆ นุ่มพอใช้ ไม่ขี้เหร่

คันนี้ภายในเป็นสีเบจ กับน้ำตาลเข้ม ซึ่งความจริงตอนแรก อยากได้รถสีขาว แต่ภายในเป็นสีดำล้วน เพื่อเอามาแต่งภายใน และเบาะหนังให้เป็นโทน แดง- ดำ ให้ดูสดใสสนุกสนาน ก็เลยจองตัว Alcanthara ซึ่งภายในตกแต่งด้วยเบาะหนังชาร์มัวร์สีดำ แต่ว่า รอมาหลายเดือน ไม่มี สีขาว เข้ามา สุดท้ายยอมแพ้ เลิกรอ ยอมเอาสีขาว ภายในเป็นสีเบจ มาแทน

จอ มอนิเตอร์ ที่เห็น เป็นจอที่ถอดของเก่าจากญี่ปุ่นซึ่งใช้ในไทยไม่ได้ออก แล้วเปลี่ยนใหม่ใส่ Front และ จอJVC เข้าไปแทน และใส่ Tuner TV ให้ใช้งานได้ กับเมืองไทย และใช้เป็นจอสำหรับกล้องมองถอยหลังด้วย
เบาะคันนี้เดิมจาก ญี่ปุ่นเป็นเบาะผ้าแต่ทาง ผู้นำเข้า เปลี่ยนเป็นหุ้มด้วยหนังแท้สีเบจทั้งคัน ให้แทนเรียบร้อยคุณภาพหนังพอใช้ได้
เกียร์เป็นเกียร์ ออโต้ 4 Speed พร้อมทริปทรอนิค ให้เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตัวเอง เกียร์ของตัวนี้เช่นเดียวกับ ของ Toyota หลายรุ่นๆที่มีปุ่ม Shift ให้กดเลื่อนตำแหน่งเกียร์ จาก P เมื่อดับเครื่องและดึงกุญแจออกแล้ว ให้ย้ายไปตำแหน่ง N เพื่อให้เข็นถอยหลังได้เวลาจอดซ้อนคัน
พวงมาลัยมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ที่ก้านพวงมาลัย แต่ไม่มีปุ่มควบคุม Mode การทำงานของจอ LCD ที่ช่วยบอก สถานะการสิ้นเปลือง (Econometer) ระยะทางที่น้ำมันในถังวิ่งได้ และอัตราความสิ้นเปลืองเฉลี่ย ตลอดจน ความเร็วเฉลี่ย และ เวลาที่วิ่งมาตั้งแต่ออกรถ ที่แสดงอยู่กลางคอนโซล (ต้องเอื้อมมือไปกดที่ ใต้จอเอง )

ความรู้สึกในการใช้งาน และขับขี่
อุปกรณ์ และ สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับตัวนี้ สำหรับผมถือว่าพอเพียง ระบบความปลอดภัยพื้นฐาาน อย่าง ABS ที่เป็นสิ่งที่ สัญญากับตัวเองว่า ณ วันนี้ รถที่จะเ อามาใช้งาน ถ้าไม่มี ABS ไม่ซื้อ เพราะว่ารู้สไตล์ และนิสัย การขับของตัวเองดี คนอื่น อาจจะไม่จำเป็น แต่สำหรับผม ABS นี่ ต้องการใช้มันมักมากๆๆๆๆ ยิ่งตัวนี้ มี EBD ช่วยเบรคด้วย ยิ่ง ดี และ ได้ใช้บริการมันบ่อยๆตลอดเวลา
ความเงียบในห้องโดยสาร ขณะขับขี่ดี ถึงดีมากๆ เสียงรบกวนค่อนข้างน้อย แม้ที่ความเร็วสูงระดับ 140-160 ก็มีเสียงลมรอดเข้ามาไม่มาก

แอร์ทั้งตอนหน้าตอนหลัง เย็นสบายแบบเหลือเฟือ รวมทั้ง มีช่องเก็บสัมภาระ และที่วางแก้วน้ำและของต่างๆ ในรถค่อนข้างดี ตามไสตล์รถ SUV หรือ MPV ที่ต้องใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว

ส่วนเก็บของท้ายรถกว้างขวางพอประมาณ หมดปัญหา เวลา ยัด Gear Bag ขนาดใหญ่ เพื่อขนอุปกรณ์ดำน้ำใส่ท้ายไปออกทริป รวมทั้งสัมภาระเวลาเข้าป่า มีผ้าใบดึงปิดด้านท้าย ให้มิดชิด (แต่ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไร เพราะว่ากระจกและฟิล์ม มันมืดดำอยู่แล้ว มองจากข้างนอกแทบไม่เห็นอยู่แล้ว

การควบคุมบังคับรถ ถือว่าดีทีเดียวเป็นรถที่ขับง่าย พวงมาลัยตอบสนองดี ทัศนวิสัยดี ขนาดแฟนผมตัวเล็กๆ ก็ ขับได้สบาย แบบไม่เหนื่อยไม่เครียด แม้ขับทางไกล
ความนุ่มนวลของช่วงล่างดี และ เป็นการดีแบบ หนึบพอสมควร ไม่ยวบยาบ หรือ โยนเวลาใช้ความเร็วสูงให้ความรู้สึกมั่นใจได้ดี
พวงมาลัย ผ่อนแรงได้ดี ที่ความเร็วต่ำแต่ให้ความรู้สึกหนักมั่นใจ พอสมควร และที่ความเร็วสูง ไม่เบาจนเกินไป ทำให้เมื่อใช้ความเร็วเต็มที่ของมันแถวๆ 180 ก็ยังคงรู้สึกมั่นใจได้
สรุปสำหรับเรื่อง การทรงตัว และความนิ่มนวล นี่ให้คะแนนกับมันเต็มๆ ว่า Set ช่วงล่างมาได้ถูกใจผมมากๆ จนไม่อยากไปยุ่งกับ สปริงและขนาดล้อ และยางมันเลย

อัตราเร่ง และความเร็วปลาย
อันนี้แหละที่หลายคนรวมทั้งผม กลัว และคาใจ ว่าเครื่องยนต์ 2400 ซีซี 160 แรงม้า แบกน้ำหนักตัวรถปล่าวๆ ซัดไป 1600 กก. นี่มันจะอืดเป็นเรือเกลือหรือไม่ การเร่งแซงจะเป็นอย่างไร
แต่จากการใช้งานที่ผ่านมา เกือบสองหมื่นโล ออกทางไกล วิ่งไฮเวย์ประจำ ต้องบอกว่า มันคล่องตัวและมีอัตราเร่ง และตีนปลายที่ดีเกินคาด ผมเองเป็นคนที่ชอบขับรถค่อนข้างเร็ว แต่กับตัวนี้ ที่หลายคนกลัวว่าอืด กลับไม่รู้สึกอึดอัดเลย ตีนปลายมันทำได้เกิน 180 ซึ่งเพียงพอแล้ว สำหรับการเดินทางด้วย SUV ส่วนอัตราเร่ง ก็ตอบสนองได้ ดี ถ้าจะลองดูอัตราเร่งของมัน ลองดูจากคลิปนี้ ที่ผมบันทึกไว้ ขณะขับด้วยเกียร์ Auto ปกติ ปล่อยให้มันไล่เกียร์ไต่ความเร็วไปเอง ไม่ได้ Shift เกียร์ ช่วยแต่อย่างใด จะเห็นได้ว่าความเร็วลื่นไหล ได้ตลอด และ อย่างรวดเร็ว จน ความเร็วจากหยุดนิ่งผ่าน 180 กม./ชม.ภายในหนึ่งนาที (ส่วนที่ความเร็วอื่นๆดูตัวเลขจาก Timer ในคลิปได้ครับ )

ดู Clip Video 0-180 Km/hr within 1 Minคลิคได้เลย:P

อัตราการสิ้นเปลือง ถ้าบนไฮย์เวย์ ใช้ความเร็วเฉลี่ย 120 อยู่ราวๆ10-11 กม./ลิตร ซึ่งผมว่ายอมรับได้กับรถขนาดใหญ่ระดับนี้
แต่ถ้าอัดหนักหน่อย ไปที่ความเร็วเฉลี่ย 140-160 กม./ชม.ก็จะกินเพิ่มเป็น = 6-8 กม./ลิตร แต่ถ้าอัดมากไปกว่านั้น มันสูบวาบๆ เลย อิๆ
ส่วนการใช้งานเฉลี่ยในเมือง อยู่ที่ประมาณ 6-8 กม./ลิตร หลายคนบ่นว่ากินจุ แต่ผมเอง ถือว่ายอมรับได้กับรถขนาดนี้

ข้อเสียที่สำคัญของคันนี้ อันเดียวที่ เจอ คือเรื่องการทำงานตอบสนอง ของรีโมทคอนโทรล แย่มากๆๆ หลายคนบอกว่า แคมรี รุ่นใหม่ๆก็เป็น โทรเช็คกับทางโตโยต้า เค้าบอกว่ามันใช้คลื่นวิทยุ ทำให้ ยิงได้ระยะไม่ไกล และโดนคลื่นรบกวนได้ง่าย เวลายิง นี่ แทบยืนห่างได้แค่ไม่เกิน เมตร หรือสองเมตร เท่านั้น ยิ่งในสถานที่บางแห่ง ที่มีคลื่นวิทยุกวน อย่างสนามเป้า นี่ ยิงไม่ได้ เลยจริงๆ ทำให้หงุดหงิดบ่อยๆเหมือนกัน

สรุป
ถ้าจะหา SUV สวยๆ ในงบ ประมาณ 2 กลางๆ ถึง 3 M Harrier 2.4 L Premium เป็นตัวเลือกที่ดีตัวนึง เท่าที่ใช้มายังไม่รู้สึกมีอะไรที่เป็นภาพลบกับมัน เลย รถสวยใช้งานง่าย แม้จะเป็นรถที่ออกจาก Grey Market แต่ว่าสามารถเข้าใช้บริการในศูนย์บริการของโตโยต้าได้ทั่วประเทศ และราคาค่าบริการ ก็ไม่แพง ตลอดจน ชิ้นส่วนอะไหล่ หลายอย่างใช้รวมกับ Camry รุ่นปัจจุบันได้ เนื่องจากพื้นฐาน ของ Lexus และ Harrier นี่มี Platform และเครื่องยนต์ที่พัฒนาร่วมกันกับ Camry
แต่ถ้า งบประมาณไม่จำกัด ล่ะก้อ มองข้ามตัวนี้ไปหนีไป Lexus RX350 ตัวใหม่ ที่ราคา ตอนนี้ อยู่แถวๆ 5.5 M ไปเลย มันส์แน่ๆ (แม้หลายคนรวมทั้งผมจะมองว่าหน้าตามันแปลกๆ สวยสู้ตัวเก่าไม่ได้) องุ่นเปรี้ยวเห็นๆ อิๆ

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัย
ไฟหน้าXenon คู่ให้ความสว่างและแสงขาวกำลังดี มองเห็นชัดทั้งเวลาปกติและ ตอนฝนตก
Power Windows พร้อมเซ้นเตอร์ล้อค ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล และ ระบบกันขโมย และ Immobilzer
ประตูหลัง สั่งเปิดปิดด้วยไฟฟ้า ด้วยรีโมทคอนโทรล หรือปุ่มเปิดปิดที่คนขับ หรือ ตรงฝาท้าย
ซันรูฟแบบสามตอน (Paronamic Glass Roof )พร้อม่านกันแดด เปิดปิดด้วยไฟฟ้า
กล้องมองหลังพร้อมจอภาพ แสดงภาพบนจอ LCD ขณะเข้าเกียร์ถอยหลัง
ชุดเครื่องเล่น Mutimedia พร้อม DVD และ TV Tuner Radio Tuner
เครื่องปรับอากาศ อัตโนมัติ แยกส่วนควบคุมซ้ายขวา และ แยกส่วนสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

Specification
เครื่องยนต์= DOHC 4 สูบ 16 วาลว์ ความจุ 2,362cc ใช้น้ำมัน Octane 91
กำลังสูงสุด 118KW (160PS) / 5600rpm
แรงบิดสูงสุด 221Nm (22.5Kgm) / 4000rpm
Fuel Consumption เคลมจากโรงงาน 11. กม./ ลิตร
ใช้งานจริง ทางไกลบนไฮเวย์
ความเร็วเฉลี่ย 120 = 10-11 กม./ลิตร
ความเร็วเฉลี่ย 140-160 กม./ชม. = 6-8 กม./ลิตร
ใช้งานเฉลี่ยในเมือง 6-8 กม./ลิตร
ความจุถังน้ำมัน = 72 litres
ระบบบังคับเลี้ยวพวงมาลัย Rack & Pinion พร้อม Power ช่วยผ่อนแรง
ระบบเบรค หน้า ดิสต์แบบมี ครีบระบายความร้อน หลัง ดิสก์เบรคธรรมดา พร้อมระบบ ABS และ EBD
ระบบกันกระเทือน หน้า-หลัง Macpherson Strut Rear: Macpherson Strut
เกียร์ Super Intelligent 4 Speed Automatic (Super ECT) with Shiftmatic
ล้อ High Gloss Aluminium Rims ลาย 5 ก้าน ขนาด18 นิ้ว ยาง 235/55/18
Airbag 3 ใบ( Front Dual SRS Airbag, Driver's Knee Airbag)
Seat Belt Front: 3 point ELR with Pre-tioner & Load Limiter
มิติ ยาว 4730mm กว้าง 1845mm สูง 1680mm
ระยะห่างฐานล้อ( Wheelbase ) 2715mm
ความสูงใต้ท้องรถ( Ground Clearance ) 185mm
วงเลี้ยวแคบสุด 5.7m
น้ำหนักตัวรถ 1600kg

ปิดท้ายด้วยภาพเก็บตก เจ้าตัวนี้ ตะลุยทั่วไทย ใน2-3 เดือนแรกที่รับมา

ภาพนี้ ถ้าใครเคยไปเกาะช้างคงจำได้ มันจอดรอขึ้นเรือ อยู่ที่ ลานจอดของ Ferry เกาะช้าง

ภาพนี้ บนสันเขื่อนที่อ่างเก็บน้ำแก่งกระจานเพชรบุรี

ภาพนี้ตอนฟ้าครึ้มๆ ฝนจะตก ที่ลานจอดรถร้านอาหารกุ้ยหลิน ที่ เขื่อนรัชประภา(เขื่อนเชียวหลาน)

ใกล้ๆ กุ้ยหลินเมิองไทย ในอุทยานแห่งชาติเขาสก สุราษฏร์ ตอนไป เอา F650 ขี่กลับมาจากภูเก็ต

kkk

ภาพนี้ ที่สวนโมกข์เก่า ของท่านพุทธทาส ที่อ.ไชยยา สุราษฏร์เหมือนกัน
ตอนนั้นยังติดทะเบียนกทม.ไม่ได้แจ้งย้ายกลับใช้ทะเบียนที่บ้าน

ปิดท้ายด้วยภาพนี้ ปกติเราก็ว่ารถเราสวย แต่ ตื่นเช้า ที่เหลายา รีสอร์ท ตราด ขึ้นมาเจอ R Klass คันนี้ จอดประกบ
รู้สึกรถเราขี้เหร่จังเลย อิๆ (R Klass นี่ ผมโหวตให้เป็น 7 ที่นั่งในดวงใจ มาตลอด
ถ้ายังไม่ตกรุ่นไปซะก่อน ถูกหวย จะซื้อซักคัน :)

ภาพนี้ จากทริปล่าสุด ตะลุยไปกางเต็น ที่ ตะเพินคี่ หน่วยที่ 3 ของอุทยานแห่งชาติพุเตย ด่านช้างสุพรรณบุรี ที่ต่อกับห้วยขาแข้ง ด้านหลังคือยอดเขาเทวดา ยอดเขาที่สูงสุดของสุพรรณบุรี ตะลุยขึ้นไปได้สบายๆแบบมอมแมมฝุ่น
แต่ตอนที่ ออกจากที่ทำการ ไปดูสุสานเลาด้าห์แอร์ แล้วจะเลยไปขึ้น ดูป่าสนสองใบ ผ่านลานจอดรถหนึ่ง ที่เค้าทำไว้สำหรับรถเก๋ง จะขึ้นลานจอดสองที่ติดกับป่าสน ทางขึ้นชันมากๆ ปรากฏว่าคนเต็มรถห้าคน กับของเต็มรถ กำลังรถยังเหลือเฟือ แต่ล้อหมุนฟรี ตะกายไม่ขึ้น เนื่องจากดอกยางเรียบเจอทางดินร่วน กับชันมากๆระดับเกือบๆ 30 องศา ผ่านไม่ได้ หน้าแตก ถอยกลับ อิๆ

Visit Jfk Car Gallery

www.2jfk.com

มีข้อแนะนำ หรือ ข้อมูลเพิ่มเติมแนะนำได้ครับ

jfk@2jfk.com