BMW F650 GS 2005 Twin Sparks
วิบากตัวเล็ก
ของตะกูล GS
แห่งค่ายใบพัดสีขาว
BMW
อยากบอกว่า
แม้ถ้านับ จำนวน Big Bike
ที่ขี่มาจนถึงตัวนี้
จะเป็นตัวที่ 6 แล้ว
แต่ว่า F650 GS
ของบีเอ็ม
นี่เป็นรถ Big Bike
คันแรก ที่ชอบ
และคิดอยากจะหามาลองขี่
นานมากแล้ว
ตั้งแต่เห็น
เค้าเอามันลุยแข่ง
แรลลี่หฤโหด ปารีส-ดาร์การ์
ลุยทะเลทราย
ชอบรูปทรงมันที่ดูปราดเปรียวเหมือนรถวิบาก
ได้สัดส่วนและขนาดไม่สูงมากนัก
แต่ความที่ตอนเริ่มแรกไปลองคร่อมก็ไปเจอกับตัว
Darkar
ซึ่งมีความสูงมาก
และตอนนั้นทักษะในการขี่และควบคุมรถใหญ่ยังไม่ดี
เลยยังไม่กล้าลอง
แต่หลังจากเล่น Super Bike
หลายๆตัวทั้งที่มีน้ำหนักมากและสูงกว่า
มาแล้ว
เมื่อกลับมาลองตัวนี้อีกที
ก็รู้สึกว่า
ไม่หนัก ไม่สูงและไม่ใหญ่จนเกินไป
น่าจะเหมาะในการขี่ทางกึ่งวิบาก
จึงคิดจะหามาไว้
เพื่อใช้
ลุยเส้นทางกึ่งวิบากหรือเที่ยวป่า
(โดยทริป
ที่ตั้งเป้าไว้ คือ
ทริป เวียงจันทร์
วังเวียง และ
หลวงพระบาง)
แต่สำหรับคันนี้
จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ใช้ลุยไปหลวงพระบางซักที
เพราะว่า ทริป พย. 2009
ที่ไป หลวงพระบาง
กับเพื่อนๆก๊วน GS
นั้น
ไปกันทางเส้นทางผ่าน
น่าน ออก ทางอ.เฉลิมพระเกียรติ
ที่ด่านห้วยโกร๋น
ตัดเข้าหลวงพระบางเลย
ซึ่งเส้นทางสายนั้นค่อนข้างวิบาก
GS ไปไม่ไหว เพื่อนๆ
เลยใช้วิธีเช่ารถวิบาก
KLX 250 จากเชียงใหม่
ให้มาส่งให้ที่น่าน
ใช้ลุยเข้าไปแทนกัน
) ซึ่งก็โหด
มันส์แบบ ฮา ไม่ออก
แต่ถ้ามีโอกาส
ว่าจะเอาคันนี้
ลองเข้าเวียงจันทร์
วังเวียง
และหลวงพระบางซักที
หลังจากเล็งๆอยู่นาน
และไปลองคร่อม ตัว F650
GS และ F800GS ปี 2009 ตลอดจน R1200
GS มาแล้ว คิดว่า R1200GS
ที่สูงมากจนต้องเขย่งปลายเท้า
และมีน้ำหนักมากคงต้องตัดออกไป
เนื่องจากต้องการใช้ลุยป่า
ถ้าสูงขนาดนั้น
เจอทางโหดต้องยัน
คงเอาไม่อยู่ขอเลือกตัวเล็กก่อนดีกว่า
และก่อนจะข้ามไปเล่นตัวใหม่
เลยขอหารถมือสอง
สภาพดี
มาลองขี่ซักพัก
ว่าจะ
ไปด้วยกันได้ดีมั้ย
ในที่สุดก็มาเจอตัวนี้
F650 GS 2005 Twin Sparks
มาพร้อมทะเบียนแท้
เนื่องจากเป็นรถออกจากศูนย์
บาเซโลน่าภูเก็ต
โดยตรง
และมีอุปกรณ์ตกแต่ง
ครบ
สภาพพร้อมใช้งาน
ไม่ต้องมาแต่งเพิ่มเลย
ในราคาที่น่าสนใจ
จึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนที่วางไว้
สุดสัปดาห์
ปลายเดือน กย. 52
ที่เตรียมจะเดินทางไปเชียงใหม่
ในอีกสองวัน
กลายเป็น
มุ่งลงใต้ไปเที่ยวภูเก็ต
แล้ว ขี่เอารถคันนี้กลับมาเลย
ทริปเอารถกลับมาจากภูเก็ตนั่น
เลยกลายเป็นทริป
ขับคนเดียว
วันเดียว
ที่ยาวสุดของผมไปเลย
วันเดียว 1100 กิโล
ซัดคนเดียว
รวดเดียว
จากภูเก็ตถึงบ้าน
ราวๆสิบชม. ตอนแรก
เอาหลานชายไป
ด้วยกะเปลี่ยนผลัดกันขี่
ผลัดกันขับ รถยนต์
กลับ แต่
ความที่ขี่มันส์
ขี่ง่ายไม่เหนื่อย
เลย ควบคนเดียว
ม้วนเดียวจบเลย
ยืนระยะด้วยความเร็วเฉลี่ยๆแถวๆ
130-140
แบบเครื่องทนไหวสบายๆไม่เหนื่อย
รถคันนี้เพื่อนๆ
ชาว GS หรือ Big Bike
ภูเก็ตคงจำกันได้
เป็นรถของ โกเอก
แห่ง I Studio ตัวแทน Apple
Macintoch ภูเก็ต
เพื่อนของ โกต่อ
ขาใหญ่คนดัง ของชาว
GS นั่นเอง
ต้องบอกว่าโกเอก
ดูแลรถ
และแต่งรถพร้อม
รักษาดีมาก
สภาพที่ได้มา
รู้สึกพอใจกับสภาพพร้อมใช้งาน
และ
อุปกรณ์ตกแต่งที่ให้มาครบ
(จนเกินเหลือใช้อีกหลายอันด้วยซ้ำ
อิๆ) ซึ่งถ้าต้องมาแต่งเองทั้งหมด
ก็คงต้องจ่าย
อีกเป็นแสนเหมือนกัน
ซื้อรถคันนี้
นอกจากได้รถ
เลยได้เพื่อน
มาอีกหลายคนเลย
ขอบคุณโกเอก
มากครับ :P
ชุดแต่งเพิ่ม
มาได้แก่
1 Touratech Xenon Spotlight
สป๊อตไลต์
คู่หน้าของ Touratech
ซึ่งเป็น Xenon ทั้งคู่
แม้จะดึงไฟจากแบ็ตค่อนข้างมากแต่ขับทางไกลไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
โดยได้แยกสวิทย์ของสปอร์ตไลต์ชุดนี้ออกจากชุดไฟปกติให้เลือกเปิดได้ตามความต้องการเวลาขับขี่กลางคืนสว่างเหลือเฟือ
จนเกรงใจรถสวนทางต้องคอยปิดหลบ
2 BMW Engine Protection
bar set ชุดโครงป้องกันเครื่องยนต์
ของ BMW เวลาล้ม
3 กระเป๋าสำภาระ
สองข้าง และ
กระเป๋าท้ายใบกลาง
ของ BMWขนาดใส่หมวกกันน้อคได้สบาย
ล้อคและปลดล้อคด้วยกุญแจดอกเดียวกับ
เครื่องรถทำให้สะดวกไม่ต้องพกกุญแจหลายดอก
4. BMW Hand protector +
Handlebar Balance weight การ์ดป้องกันมือ
และ ตัวกันสะบัดของ
BMW
5 Mudguard BMW F 650 GS/Dakar
( บังโคลนหน้า
แบบพิเศษยาวกว่าของติดรถกันน้ำกระเซ็น)
6 Shiled บังลมหน้าแต่ง
ของ Wunderlich
ซึ่งสูงกว่าปกติ (สูง
39 ซม.)
ทำให้ขี่ได้สบาย
เวลาเดินทางไกล
ไม่เมื่อย
7 Wunderlich Oil Temp Guage 35mm. Part number :
8154005
ตัววัดอุณหภูมิติดถังน้ำมันเครื่อง
ที่ช่วยเตือนเราให้รู้ว่า
เครื่องเราร้อนเกินไปหรือไม่
เวลาอัดทางไกลแรงๆ
จะได้ผ่อนก่อน
ที่มันจะโอเวอร์ฮีท
อันนี้ เป็นเกจ์
อยู่บนถังน้ำมันใช้ใส่แทน
ฝาปิด
ที่เติมน้ำมันเครื่อง
ตามรูปข้างล่างนี่แหละ
รูปข้างบน
จะเห็น
เกจ์เล็กๆสองอัน
ใต้ไมล์
ทั้งสองข้างอันนั้น
อันซ้าย
เป็นตัววัดความชื้น
สัมพัทธิ์ ของอากาศ
ทำให้คาดเดาโอกาส
ที่ฝนจะตกได้บ้าง
ส่วน ด้านขวา เป็น
เกจ์วัดอุณหภูมิ
อากาศ ขณะนั้น
เป็นของเล่น
น่ารักแต่มีประโยชน์ดีเหมือนกัน
ความรู้สึกในการขับขี่
เป็นรถที่ขี่ง่าย
ขี่สนุก
ท่านั่งขี่สบาย
เดินทางไกลไม่เหนื่อยไม่เครียดมากเนื่องจากน้ำหนักรถไม่หนักมาก
ใช้งานในเมือง
ซอกแซกๆสบายๆ
ไม่เหนื่อยพวก Sprot bike
ขนาดใหญ่อย่าง ฮายา
หรือ
ครุยเซอร์รุ่นยักษ์
อย่างฮาร์เลย์
จากการออกทริป
ระดับ 300-500
กิโลต่อวัน
ไม่เหนื่อยไม่เครียด
และไม่ล้า
ทำความเร็วระดับ 140
ยืนตามพวก GS 1200
เค้าได้ แบบไม่ลำบากนักแต่ได้ความคล่องตัวในทางวิบากมากกว่า
ความเร็วปลาย
บิดกันหมดปลอกไปหมดแถวๆ
160-170 กว่าๆ
สำหรับการขี่คนเดียว
แต่ถ้าบิดนานเครื่องจะเริ่มร้อน
ถ้ายืนระยะยาวๆหลายชม.ความเร็วที่เหมาะสม
อยู่แถวๆ 130-140 สบายๆ
ทั้งคนและเครื่องยนต์
เบรค ที่มี ABS
ที่เค้าว่ากันว่า
เสียง่าย และแพง
แต่ที่ใช้งานดูมา
ยังไม่มีปัญหาอะไร
อัตราการกินน้ำมัน
จากที่ลองใช้งาน
บิดๆอัดๆ ระดับ 130-140
ยาวๆ กินน้ำมันราวๆ
20-25 กม./ลิตร ถือว่า
ไม่เลวนัก เติมน้ำมันเต็มถัง
วิ่งได้ ราวๆ 350 กม.
ก็พอเพียงสำหรับการเดินทางไกล
โดยไม่ต้องพกน้ำมันสำรองให้วุ่นวาย
ชุดแต่งที่แถมมากับรถ
แต่ยังไม่ได้ ใช้
1 BMW Lowering front fork
compression Spring (
สปริงแต่งลดความสูงของรถเพื่อสุภาพสตรีหรือคนที่สูงน้อยกว่า160
Cm.)
2 BMW Windshield Standard คู่ตัวรถ
ใหม่กิ๊กยังไม่ได้ใช้
เป็นอะไหล่สำรอง
3. BMW Dual seat low ( เบาะนั่ง 2
คนแบบ Low Seat )
สีแดงของใหม่
ที่ยังไม่ได้ใช้งาน
อันนี้ อีกอัน
ปิดท้ายด้วยรูปจากทริป
ขากลับจาก
ภูหินร่องกล้า
ตอนชุมนุม จอมยุทธ GS
เมื่อ 1-2 ตค. 2009
Specification
Engine
1 cylinders Displacement: 652 cc
Liquid-cooled single-cylinder 4 valve / cylinder
Bore X Stroke: 100.0 mm X 83.0 mm
Compression Ratio: 11.5 : 1
Engine Management: BMS-C II with two spark ignition
Horsepower: 50 bhp @ 6500 rpm
Torque: 44 lb/ft @ 5000 rpm
5 Speed gear box
Brakes
Brake System: Front and rear disc with ABS
Front Brakes: One, two-piston floating caliper
Front Disc: 11.8 inch
Rear Brakes: One, single-piston floating caliper
Rear Disc: 9.5 inch
Actuation: Hydraulic, DOT 4 fluid type
Dimensions
Overall Length: 85.6 inches (217.4 cm)
Overall Width: 35.8 inches (90.9 cm.)
Seat height: 30.7 inches (77.9 cm.)
Weight with full tank: 423 lbs (192 Kg)
Fuel Capacity: 4.0 U.S. gallons (15.14 litre) ;
including 1 gallon reserve
Frame: Bridge-type with bolted-on rear section
Front wheel suspension: 41 mm telescopic fork w/
stabilizer bridge
Ground Clearance: 5.1 inches (12.9 cm)
Handlebar center point angle: 60.8 degrees
Rear wheel suspension: Central spring strut actuated
by lever-linkage
Spring Travel front/rear: 6.7 inches / 6.5 inches
Wheels and tyre size
Front Tire: 100/90 x 19
Rear Tire:130/80 x 17
เตือนความจำตัวเองซะหน่อย
เรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง
ตัวนี้
น้ำมันเครื่อง ของ BMW
F650 แนะนำให้ใช้ Mineral
Oil grade 10W40 หรือ 10W50 (Note
เมืองไทยเมืองร้อน
จะใช้ 20W40 หรือ 20WE50
ก็ได้ (เพราะว่าตัวเลขหน้านั่นแสดงอุณภูมิแวดล้อมที่ใช้งาน)
แต่เครื่องเริ่มเก่าแล้วใช้
50 ซึ่งหนืดกว่า แทน 40ก็ดี(
ล่าสุดที่ใช้อยู่
ช่างที่ดูแล
ใช้มาเป็น 20W50 Velloid )
สำหรับน้ำมันเครื่อง
ถ้าจะใช้ Synthetic หรือ
Semisynyhetic ให้รอให้พ้น 10000-20000
กม.ไปก่อน
และบางคนพบปัญหา
คลัชลื่น
เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์แบบคลัชเปียกแช่ในน้ำมันเครื่อง
ปกติ แล้ว เครื่อง F650
ถ้ากินน้ำมันเครื่องราวๆ
100 ซีซี ต่อ
การใช้งานพันกม.
ถือว่าโอเค
ถ้าน้ำมันเครื่องลดไปมาก
และต้องเติมน้ำมันเครื่อง
ถ้ามันขาด
ถ้าหารุ่นเดิมไม่ได้
จำเป็นต้องผสม
พยายามแต่อย่าให้ต่างเกรดต่างยี่ห้อมาก
การเปลี่ยนถ่าย BMW
แนะนำ
ให้เปลี่ยนทุก 10000
กิโล หรือ
ทุกหนึ่งปี ก็พอ
แต่ถ้าจะเปลี่ยนทุก
ห้าพันก็ได้
การเช็คระดับน้ำมันเครื่อง
แนะนำให้
อุ่นเครื่องหนึ่งนาทีดับเครื่อง
ตั้งขาตั้งตรง
ถ้าระดับสูงไปให้
เปิดฝาท่อเติมน้ำมันเครื่อง
ก้านวัดน้ำมันเครื่องตอนวัด
สอดเข้าไปสุด
แต่ไม่ขันเกลียว
น้ำมันเครื่องถ้าถ่ายออกหมดแล้ว
เวลาเติม ให้เติม 2
ลิตร
แล้วติดเครื่องซักพัก
ก่อนค่อยเติม อีก.3
ลิตร
เมื่อเปลี่ยนกรองด้วย
อาจจะถึง 2.4 ลิตร)
|