ดอยหลวง -
ดอยหนอก พะเยา (1694 m)
26-27 พฤษภ 55
ทริปสั้นๆ
วันหยุด ต้นฝน
ขึ้นดอยหลวง
ดอยหนอก พะเยา
ทริปนี้
เราออกเดินทางกันโดยรถตู้
3 คัน จากกทม.
ตอนสองทุ่มๆกว่า
แวะรับเพื่อนๆ
ตามรายทาง
รวมทั้งผมดักขึ้น
ที่จุดประจำผม
อินทร์บุรี และ
รับรายทาง พิษณุโลก
ร้องกวาง และ
พบกับเพื่อนๆที่ดักรอ
ที่พะเยาอีกส่วนนึง
เส้นทางเดินทาง
จากกทม.
วิ่งตามสายเอเชีย
ถึงนครสวรรค์
ระยะทางรวม 235 โล
แล้วแยก ตามสาย 117
มุ่ง พิษณุโลก อีก 120
กว่าโล
จากพิษณุโลกวิ่งตาม
ทางหลวง สาย 11
ผ่านอุตรดิตถ์
ถึงสามแยก เด่นชัย
อีก ประมาณ 160 กม.
แล้วเลี้ยว ขวา
ไปตามสาย 101 ผ่านแพร่
จนถึง อ.ร้องกวาง
อีกประมาณ 50 กิโล
แล้วเลี้ยวซ้าย
เข้า สาย 103 ร้องกวาง
งาว อีก 75 กม.(ถนนสายนี้
)ที่จะไปโผล่
สายพหลโยธิน ก่อนอ.งาว
เล็กน้อย
ก่อนวิ่งตรงตามพหลโยธิน
ถึง ตัวเมืองพะเยา
อีกประมาณ 50 กม.
รวมระยะทาง จากกทม.
ประมาณ 680 กม.
สำหรับคนที่ชอบขับรถทางใหญ่ๆตรงๆ
อาจจะเลือกวิ่ง
สายเอเชียพหลโยธิน
ตลอด จาก นครสวรรค์
ผ่าน ตาก ลำปาง งาว
พะเยาก็ได้
แต่ระยะทาง จะไกล
กว่าเส้นแรก
อยู่ประมาณ 50 กว่าโล
( เมื่อคำนวนระยะ
ห่างมากกว่า 50 โล
แลกกับ
การที่ไม่ต้องขับรถสวนทาง
ถนนแคบ
ช่วงร้องกวาง งาว
ประมาณ 50 กว่าโล
ถ้าคิดว่าคุ้มก็วิ่งตรงได้
แต่ผมว่า
วิ่งเส้นแรก ทางสวย
ระยะทางสั้นคุ้มกว่า)
พวกเราถึง
ตัวเมืองพะเยา
เช้าพอดี หลังจาก
ล้างหน้า ล้างตา
กันแล้ว
ก็ไปหาอาหารเช้ารองท้องกัน
มื้อนี้
ป๋าเลี้ยงโจ๊ก
เกาเหลาเลือดหมู
ร้านเก่าแก่ พะเยา
รสชาติใช้ได้
เติมพลังกันก่อนออกเดิน
หลังจากอาหารเช้า
รถตู้พาย้อนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินขึ้นเขากัน
ที่ป้อมยา สภอ.งาว
ในเขต อ.งาว ลำปาง
เช้านี้ฝนฉ่ำฟ้า
เลยต้องใส่เสื้อฝนกันตั้งแต่เริ่มต้นออกเดินทาง
เริ่มออกเดินกัน
ประมาณ 9:15 น.
ทางช่วงแรกเดินสบายไต่เนินไปเรื่อยๆ
พอฝนหยุด
อากาศเริ่มร้อนอ้าว
ขึ้น
ต้องเริ่มทะยอยถอดเสื้อกันฝนกัน
ป่า
เหนือตอนนี้
ยังเป็นช่วงต้นฝน
อากาศยังไม่หนาวมาก
ฝนเพิ่งตกดินชื้น
ต้นไม้
ต้นหญ้าเขียว
แต่ดิน
ยังไม่ลื่นมากนัก
ดอกไม้ป่าพวกกล้วยไม้
มีพอสมควร
และที่เห็นมากก็คือ
พวก กระทือ เจอเยอะ
ทีเดียว
อาหารเที่ยง
เรากินข้าวเหนียว
ไก่ย่าง ปลาย่าง
น้ำพริก กัน
รวมกลุ่มระหว่างทาง
ง่ายๆ
แล้วหลังเที่ยง
ก็เดินต่อกันลย
เนื่องจากจุดหมายยังอีกไกล
ฝนเริ่มหยุด
อากาศเริ่มร้อนอ้าว
แต่ยังมีหมอก
สลับกับแดด
เผาเอาเกรียมได้เหมือนกัน
เมื่อเริ่มไต่ขึ้นสูงเส้นทางเริ่มเปลี่ยนเป็นไต่เดินไปตามสันหมูต้อง
ซึ่งเป็นสันเขา
ที่ไต่ขึ้นๆ
ลงคล้ายกับ
เดินสันเขาที่ ดอยม่อนจอง
อมก๋อย เชียงใหม่ แต่ว่าที่นี่
ทางส่วนใหญ่ไต่ขึ้นตลอด
มีส่วนลงค่อนข้างน้อย
และค่อนข้างชันกว่า
เดินยากกว่า
ม่อนจองพอสมควร
ระยะทาง
จากที่กะว่าจะเดินภายใน
5 ชม.เอาจริงๆแล้ว
มันค่อนข้างไกลเดินไต่สันเขากัน
ไปจนครบ 5 ชม.ถึงเกือบๆบ่ายสองกว่าๆไปแล้ว
ยังคงเห็นดอยหลวง
และดอยหนอก
อยู่ห่างออกไป
ตามสันเขา
อีกพอสมควร
อากาศร้อนอ้าว
สลับกับฝน และหมอก
บางช่วงฟ้าปิด แต่
ก็มีบางช่วงฟ้าเปิดให้มองเห็นสันเขา
และทุ่งหญ้าเขียว
สวย พอหายเหหนื่อย
มองลงไปจากเขาบางมุม
เห็นกว๊านพะเยา
กลางตัวเมืองพะเยา
อยู่ไม่ไกลนัก
เจ็ดชม.หลังจาก
เดินกันมาเรื่อยๆ
ก็ถึงจุดสูงสุดของบริเวณนี้
คือยอดดอยหลวง
พะเยา ความสูง 1694
เมตร
แต่ยังไม่ใช่จุดหมาย
จุดหมายเรา คือ
อ้อมดอยหนอก
ที่เห็นอยู่
ห่างไปอีกพอสมควร
เพื่อไปยังแค้มป์
ที่นั่น
เดินมาถึงดอยหนอก
ซึ่งเป็นเขาหินปูน
สูงชันขึ้นไป
ข้างบน
มีเจดีย์ครูบาศรีวิชัย
สร้างไว้ให้สักการะ
ต้องเดินไต่เลาะหน้าผา
ลงไป ยังที่พัก
ที่ลานองค์พระ
ทางไต่ลงไปตามหน้าผา
นี่คนที่กลัวความสูง
ก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน
ประกอบกับอากาศร้อน
ตอนออกเดินป๋า
กะเวลาไว้
ว่าจะเดินกันราวๆ 5
ชม.ดังนั้นคำนวน
น้ำแล้ว คนล่ะ 500 CC
สองขวดน่าจะพอ
แต่เอาจริงทุกคนน้ำแห้งฉาดกันหมด
กว่าจะถึงแค้มป์
เกือบหกโมงเย็นเดินกัน
8-9 ชม.คอแห้งผากกันเลย
อิๆ
ที่บริเวณที่พัก
มีสองส่วนคือ
ศาลาด้านล่าง
เป็นที่โล่ง
แต่มีหลังคากันฝน
กลุ่มส่วนใหญ่
ประมาณ 20 คน
นอนที่นั่นพร้อมทำครัวกันที่นั่น
ส่วนพวกที่เตรียมเต็นต์มา
รวมทั้งผม ประมาณ 10
กว่าคนเลือกกางเต็นต์
ที่ลานหน้าองค์พระนี่แทน
กลางคืนฝนถล่มหนักเกือบทั้งคืน
ดีที่ว่า
น้ำไม่ขังเลยไม่ต้องนอนแช่น้ำกัน
ตื่นเช้า
หมอกลงจัดมองแทบไม่เห็นอะไร
บางคน
เดินขึ้นไปชมวิว
บนยอดดอยหนอก
ที่ทางเดินสูงชันค่อนข้างมาก
แต่ผมเองเห็นว่า
หมอกลงมากถ่ายรูปอะไร
ก็คงไม่ได้นักเลย
ตัดสินใจไม่ขึ้นดีกว่า
หลังอาหารเช้าที่เป็นผัดซีอิ้ว
ฝีมือป๋า
รองท้องกันแล้ว
เราก็เริ่มออกเดิน
ประมาณ 9 โมงเช้า
โดยเส้นทางลงเปลี่ยนเป็นลงทางน้ำตก
เกล็ดนาค
เส้นทางลงค่อนข้างชันมาก
บางช่วงเป็นดินลื่น
บางช่วงไต่ตามหินเลาะลำธาร
ลงข้างน้ำตก
ริมทางมีดอกไม้ป่า
และเห็ดขึ้นเยอะแอบเจอ
เห็ดโคนขึ้นข้างทางด้วย
เหมือนกัน
น่าจับมายำ อิๆ
เห็นปรง
สองยอด ต้นนี้สวยดี
น่าจะเอาไปปลูก
คู่กับมะพร้าว 2
ยอดที่เขื่อนภูมิพล
ทริปก่อน ไป
ดอยหลวงเชียงดาวเจอมะไฟป่า
เก็บกินกันเปรี้ยวจี๊ดๆ
แต่รอบนี้
เจอมะไฟป่า (จริงๆลูกมันโตเปลือกหนา
ผมว่าน่าจะเป็น
ละไมมากกว่า) ลูกโต
กว่าที่ขายตามตลาดในเมืองซะอีก
ลูกสวยเหลืองอมชมพู
รสชาติดีมากๆ
ลุกหาบจัดการปีนเก็บใส่ร่ม
ลงมาทานกัน
อย่างจุใจ
แบบว่าดกมากๆ
เต็มต้นไปหมด
ทั้งด้านบน
และด้านล่าง
แม้แต่โตนต้น
ก็ยังมีลูกเป็นพวงเต็มไปหมด
ก่อนเที่ยงเล็กน้อยมาแวะ
อาบน้ำเล่นน้ำตก
และต้มมาม่า
รองท้องกันอีกหน่อย
พร้อมทั้งสำรวจร่องรอย
ว่าโดนทากกัดทากเกาะ
ที่ไหนกันมั่ง
เนื่องจาก
ป่าช่วงลงมา
ดินแฉะมีทากพอสมควรผมเอง
ก็โดนเข้าไปหลายจุดเหมือนกัน
ประมาณบ่ายสอง
กลุ่มแรก
ก็ลงมาถึงจุดที่รถ
อีแต๊ก
มาจอดรอรับไปอาบน้ำที่วัดในหมู่บ้าน
ใครเดินป่า
คงจะทราบดีว่า
โค้กที่อร่อยสุดในโลก
มักเป็นโค้กที่รออยู่ตรงแถวรถที่มารอรับแถวนี้
นี่แหละ อิๆ
เส้นทางรถอีแต๋นวิ่งผ่านมองเห็นวิวเขาที่เราผ่านลงมา
อุโมงค์ต้นจามจุรี
ที่เห็นข้างบน เป็น
ส่วนที่ชาวบ้านปลูกไว้เลี้ยงครั่ง
เก็บขายกัน
กลับถึงวัดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จ
ประมาณ
เกือบๆห้าโมงเย็น
ก็ออกเดินทางกลับกัน
แวะเติมน้ำมันที่
แพร่แอบมองไปเห็นภาพ
ที่คุ้นเคย
เหมือนหลายๆแห่ง
ที่เห็นรถเก๋งจอดต่อแถวยาวเหยียด
รอเติม ก๊าซ NGV
ในขณะที่พวกเติมน้ำมันธรรมดา
ไม่ต้องรอคิวกันเลย
ทำให้อด คิดไม่ได้
ว่า
มันคุ้มกันมั้ยกับการเสียเวลารอนานๆอย่างนั้น
และทำไม ปตท.ไม่หาทางขยายปั๊มป์ให้มันพอกับความต้องการของลูกค้าหว่า
:(
มื้อค่ำ
เราแวะทานข้าวต้มกัน
ไสตล์เหรียญบาท
ที่พิษณุโลก
ก่อนที่จะพักผ่อนหลับกันไปในรถระหว่างเดินทาง
ถึงกทม.กันราวๆตีหนึ่งกว่าๆ
ก่อนตื่นทำงานเช้าในวันจันทร์
ต่อไป
ส่วนผมโดดลงกลางทาง
ที่รถมารอรับ
แถวอินทร์บุรี
ตั้งแต่
ห้าทุ่มกว่า
หนีไปนอนก่อนแล้ว
อิๆ
|