Mini Cooper S R53 Year2006 Look 2
รถเล็กขับมันส์สายเลือดอังกฤษแท้
ที่โดน Germam
เทคโอเวอร์ไปแล้น
หลังจากที่เคยใช้
Mini Cooper R 53 ปี
2003 อยู่พักนึง
แม้ว่าจะชอบความที่เป็นรถขับสนุกแต่เริ่มเจอปัญหาจุกจิก
กับรู้สึก
งอนศูนย์บริการ Millenium
ในเรื่องบริการที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยแฟร์
เล็กน้อย
เลยขายทิ้งไป
ลองอ่านรีวิว
ตัวเก่าดูที่นี่ก็ได้ครับ
Mini Cooper R 53 ปี
2003
ระยะหลัง
เห็นเริ่มมีศูนย์บริการมินิ
จากข้างนอก
ขึ้นมาบริการ และ มี
Grey Market
หลายแห่งนำเข้า Mini
ตัวใหม่ R56 เข้ามาขายกันในราคาที่ถูกลงกว่า
ทางศูนย์
เยอะพอสมควร
ก็เริ่มนึกอยากได้
Cooper S R53 หรือ R 56
กลับมาลองใช้ดู
จนวันดีคืนดี ขายรถ
Custom Bike
Blue Larry ให้กับน้อง
Bom รูปหล่อที่ Super Car
สนามเป้า
กำลังนั่งทำสัญญา
ซื้อขายกัน
น้องเค้าบอก พี่ มี
Mini Cooper S R53 รถใหม่
แต่เป็นรถปี 2006
ล้อตสุดท้ายที่ผลิตออกมา
ก่อนเปลี่ยนโฉมเป็น
R56
โดยค้างสต็อคจากที่จะส่งไปให้
Dealer ที่มาเลย์
ส่งมาจากอังกฤษ
ราคาดีมากๆ (ราคาดีกว่า
รถจากศูนย์
ตอนออกใหม่ราวๆ
ล้านกว่าบาท)
และที่สำคัญราคา
ยังถูกกว่า
รถมือสอง R53
มือสองที่ ใช้กันมา
3 ปีกว่า
อยู่อีกหลายแสนบาทอีก
ก็เลย สนใจ
และในที่สุด ก็จอง
ตัว R53 Cooper S สี British Green Look 2
ตัวนี้มา
หมายเหตุ หลังจาก
ที่ได้รถมาแล้ว
จึงทราบภายหลังว่า
ล้อตนี้ มี Grey
รายใหญ่(ซึ่งก็คือ
อดีตเพื่อนที่รู้จักกันคนนึงผมเอง
) นำเข้ามา
จำนวนราวๆ
สามสิบกว่า คัน
มีหลายอ๊อปชั่น
หลายแบบ
และกระจายแบ่งกันไปให้
กับ Grey อีกหลายเจ้า
คนล่ะสองสามคัน
กระจายกันขาย
หมดไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งทำให้เรียกรถรุ่นนี้กันเล่นๆ
ว่า " รุ่นกรุแตก
"
ที่ราคาที่เข้ามาทำเอาวงการ
รถมือสองมินิป่วนกันไปพักนึง
(เล่นขายถูกกว่า
รถมือสองอีกนี่หว่า
อิๆ)
สำหรับตัวที่ผมได้
มาคือ Cooper S Look 2 (หลังคา
Sunroof)
เกียร์ทริปทรอนิค
ไฟหน้า
เป็นไฟกระสุนรุ่นใหม่แล้ว
(Bi Xenon) Plate วันที่ผลิต
ที่ตัวถัง
บอกว่าผลิต ราวๆ
เดือน April 2006
ซึ่งก็เป็น Lot ท้ายๆ
ของ R53
ก่อนเปลี่ยนโฉมมาเป็น
R56 ตอนกลางปี 2006
นั่นเอง
ตอนมาถึงใหม่ๆเนื่องจากเป็นรถค้างสต็อคฝุ่นจับหนาเตอะต้องจับมาขัดสีฉวีวรรณกันใหม่
(ทางศูนย์ขัดล้างให้)
วันไปรับรถก็ใสปิ๊ง
ยกเว้นโครเมียมบางชิ้นจะมีเงาหมองเล็กน้อย
อย่างเช่น
ขอบไฟหน้าข้าง
ขวาผมไม่ใสปิ๊งมากนัก
(ตอนหลังเลยสั่งของใหม่มาเปลี่ยนไป
พันกว่าบาท )
ส่วนพวกชิ้นส่วนยาง
และ
หนังต่างๆทั้งภายในและภายนอก
ปกติ ดีหมดไม่มีลอก
หมอง
หนาเหนียวเหนอะหนะให้กวนใจ
สอบผ่าน :P
ออกมาแล้ว
คิดอยากแต่งภายนอกเล็กน้อย
ตอนนั้น
ยังไม่รู้จักร้านแต่งมากนัก
คุณตุ๊กจาก Super Car
แนะนำ น้องโอ๊ต Piya Inter
ซึ่งขายของแต่ง
และซ่อมบำรุง Mini
อยู่แถว รพ.ซังฮี้
ฝั่งธน
ก็เลยเอาข้ามไปจัดการ
แต่งเล็กๆน้อย (ขอชมน้องโอ้ตว่าบริการ
ต้อนรับดีเลย
แต่ราคาอาจจะแพงกว่าที่อื่นไปนิดๆ
(ถ้าไม่มากนัก)
ก็ถือว่าโอเคนะ
โดยอันแรก
ก็เติมความเป็นมินิ
ด้วย Bonet Strips คู่หน้า
ขาวขลิบดำ (แต่สีดำกลืนหายไปกับ
สีเขียวหมดเลยวุ้ย)
ฝาครอบกระจกมองข้าง
พร้อมตัวครอบกระจกมองหลังในรถ
ลาย ธง Union Jack
เพราะว่าคิดว่าจะแต่งแนว
British ทั้งหมด ตามสี British
Green
แม้เพื่อนๆบางคนจะบอกว่า
สีโครม
น่าจะเข้ากับสีเขียวมากกว่า
แต่ใจมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
(ความจริง
เสียดายตังค์
ซื้อใหม่ด้วย อิๆ)
ล้อติดรถให้มาเป็นแม็กซ์สีเงิน
ลายกล้วย 8
ก้านพร้อมยาง Run Flat Tyre
ขนาด 205/45/17R ผลิตต้นปี
2006 ก็เลยจัดการ
เปลี่ยนยางใหม่
เป็นยางธรรมดาที่ให้ความนุ่มนวลกว่า
ยาง Run Flat Tyre
โดยเลือกยางดอกสวย
Toyo Proxes T1R 205/45/ZR17 มาใส่แทน
และ ล้อ อยากได้
ล้อสีขาว
ซึ่งดูเหมือนเข้ากับตัวรถมากกว่า
สีเงิน
ตอนแรกคิดว่าจะทำสี
แต่สุดท้าย
แลกเทิร์นกับน้อง
โอ้ต ปิยะ
ไปด้วยราคาที่คิดว่า
Happy
ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ก็โอเค
เสร็จแล้ว
ออกมาปิ๊งๆ โอเค
นะเข้ากับสีรถดีขึ้น
สำหรับฟิล์มกรองแสงคันนี้
บานหน้าเลือกฟิล์มใสพิเศษ
L 60 Max Special ของ Lamina ซึ่งใส
แต่กันความร้อนได้ดี
ไม่มีรอยคลื่นหรือลายน้ำกวนตาเวลากลางคืน
ส่วน ฟิล์มบานอื่น
และ กระจก Sunroof ใช้ ANL 20
NSRPS ซึ่งถือว่าเข้มสำหรับผม
ที่ปกติ
ชอบรถติดฟิล์มใสมากกว่า
เห็นมันตัวเล็กๆ
แต่แรงม้าไม่น้อย 1600
CC แต่มี Super charger
ทำให้ให้แรงม้า
ออกมาถึง 168
แรงม้าที่ 6000 rpm แบกน้ำหนักตัวแค่
พันนิดๆ
เลยจับเจ้าตัวแมงกาไซค์ตัวจี๊ด
เจ้าของสถิติโลก
Production Bike Hayabusa 2008
ที่ให้แรงม้า 193
แรงม้าที่ ราวๆ 12000 Rpm
กับน้ำหนักตัว 230 กก.
มาประกบกัน
ใครแรงกว่า
คงไม่ต้องสงสัยเนอะ
:P
เข้ามาดูข้างในกันมั่ง
คอนโซล ช่องแอร์ และ
และหน้าปัดต่างๆของตัว
R53
ส่วนใหญ่คล้ายๆกับของตัว
R50 Mini Cooper ธรรมดา แต่ว่า
หน้าปัดวัดรอบและวัดความเร็วแยกเป็นสองอัน
อยู่กลางพวงมาลัย
ขณะที่
หน้าปัดใหญ่กลางคอนโซล
เป็นเกจ์วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง
อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง
และ
เกจน์น้ำมันเชื้อเพลิง
และหน้าปัดเล็กบนสุด
เป็นตัววัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น
ตัวมาตรวัดความเร็ว
เป็น Analog ชนิดเข็ม
และบอกความเร็ววงนอกเป็น
หน่วยไมล์
ต่อชั่วโมง
และวงในที่ซ้อนอยู่เล็กกว่า
สำหรับ ที่หน้าปัด
วัดรอบ ยังมี Onboard Computer
คำนวนข้อมูลความสิ้นเปลืองในการใช้งาน
และ
คำนวนระยะทางที่
ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง
ยังวิ่งต่อไปได้(Econometer)
ด้วย ซึ่ง หน่วย
ต่างๆที่ Set
มาจากโรงงาน เป็น
หน่วยไมล์ และ Gallon
แต่ว่า เราสามารถ Set
ให้มันเปลี่ยนเป็น
กม. และ
ลิตรได้โดยการตั้งโปรแกรม(สำหรับคันนี้ผมใช้
บริการจาก A Motor ของคุณ
Adit )
ค่าบริการแค่หลักร้อย
สำหรับตัวนี้
ที่พวงมาลัยมีปุ่ม
Multifuntion
ควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง
และ จอ แสดงผล
ตลอดจน ระบบ Cruise Controle
ควบคุมความเร็วอัตโนมัติของรถ
ที่ใช้งานได้ง่ายดี
เกียร์คันนี้
เป็นเกียร์ Steptronic
หรือ Auto
ที่เล่นเกียร์เองด้วยมือได้
โดยไม่ต้องมีคลัช
ขาซิ่งหลายคน
อาจจะบอกว่าไม่มันส์เหมือนเกียร์
Manual แต่สำหรับผม
และที่บ้าน
ที่ใช้รถหลายคัน
และเสพติดเกียร์ Auto
จนชินแล้ว
ขอเลือกใช้ Steptronic
แทนแล้ว ครับ
ไม่งั้นขับเปลี่ยนไปมา
คอยจะเผลอเหยียบเบรคแทนคลัช
หัวทิ่ม หรือ
ลืมเหยียบคลัช
ดับกลางถนน บ่อยๆอิๆ
เหนือก้านพวงมาลัยสามก้าน
มีปุ่ม Paddle Shift
ใช้เปลี่ยนเกียร์ด้วยมือ
ขึ้นลง เหมือนรถ F1
ซึ่งใช้ได้ทั้งขณะที่
เป็นMode Auto และ Manual
ขับง่ายสนุกดี
เบาะนั่ง
ทั้งหมดเป็นหนังสีดำ
เบาะคู่หน้า
ของคนขับ
จะปรับสูงต่ำได้ด้วยคันโยก
พร้อม Lumbar Support
ที่ปรับหนุนหลังได้
แต่ว่า ต้องยอมรับ
ครับว่า
นั่งขับนานๆนี่
ปรับอย่างไร
ก็ไม่ค่อยพอดี
นั่งแล้วเมื่อย อ่ะ
ว่ด้านหลัง
ของพนักพิง
เบาะหน้า
มีช่องตาข่ายใช้เก็บของเล็กๆน้อยได้
แผงข้างประตู
รูปไข่นี่ ดูเหมือน
แทบเป็น Logo ประจำตัว
ของ Mini ยุคใหม่เลย
สวยดี แต่ว่า
มือจับมันกีดขวาง
ช่องใส่ของที่แผงข้าง
ทำให้ใส่ของได้น้อย
หยิบ ของเข้าออกจาก
อ่ะ แผงคอนโซล
และมือจับ
ตกแต่งด้วยหนัง และ
อลูมิเนียมขัดลาย
แปลกตา แต่สวยดี
เบาะนั่งคู่หลัง
ค่อนข้างแคบ
ตามขนาดรถ
แต่ก็พอนั่งได้
แต่ช่องวางขาสิ
ติ้นและแคบมาก
ทำให้คนนั่งหลังจะค่อนข้างอึดอัดมากๆ
แต่พอยัดไปได้
ขนาดแคบๆอย่างนี้
แต่ถ้าจำเป็น
บ้านผม 5
คนนี่จับยัดลงไปข้างหลัง
3 คนบ่อยๆ
แต่แค่ในเมืองนะ
ถ้าออกทางไกล ลงมาตะคริวกินแน่
อิๆ
พนักพิงหลัง
สามารถพับเก็บลงมาได้
แยกได้ทั้งสองข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่ก็บของให้กระโปรงท้าย
หรือ
ต้องการเก็บของที่มีขนาดความยาวมากให้ยื่นทะลุมาในห้องโดยสารได้
การขับขี่และใช้การใช้งาน
Mini Cooper
เป็นรถเล็กที่ขับสนุก
และนิยมใช้เป็น Weekend
Car
รถขับเล่นในวันหยุด
แต่ว่า
ใช้งานจริงในเมืองก็ได้สบายมาก
หาที่จอดได้ง่าย
Cooper S R53
แม้เป็นรถเล็กแต่ว่า
แรงม้าที่มีให้ถึง
168 แรงม้า
และการเซ็ทช่วงล่างแบบสปอร์ต
ที่แม้จะแข็งกระด้าง
แต่ขับได้สนุก
หนึบได้ใจ
ฐานล้อที่ขยายออกไปเต็มที่
จนทำให้ล้อทั้งสี่
แทบจะไปอยู่ที่มุมรถทั้งสี่ทำให้มันขับได้คล่องตัว
ทรงตัวเยี่ยม
เลื้อยสนุก
เหมือนกับ
ขับโกคาร์ท
และด้วยอัตราเร่งที่ดีเยี่ยมทำให้ความเร็วปลายของมันทะลุ
220 ไปได้ ไม่ยากและ
ถ้าเปลี่ยนกล่องควบคุม
พร้อมปรับแต่ง
อีกเล็กน้อยสามารถเพิ่มม้าให้มันได้เกิน
200 แรงม้า แล้ว
ตีนปลาย และอัตราเร่ง
ยิ่งหายห่วง
จนอาจจะต้องหา
เบรคดีๆ
มาช่วยหยุดมันอีกต่างหาก
(แต่ สำหรับ แค่ Standard
ตอนนี้
ก็วิ่งจนหลังติดเบาะอยู่แล้ว
หลังจากใช้งานมาระยะนึง
ชักรู้สึกวา
สีมันเรียบๆเกินไป
เลยจัดการตกแต่งสติคเกอร์เพิ่มซักหน่อย
นึง และเพิ่มติด Sticker
ธง Union Jack ชนิดโปร่ง (เจาะรูพรุน)
บนหลังคา Sunroof
แก้วเข้าไป
ซึ่งนอกจาก
เพิ่มควมสวยงามแล้ว
ยังมีส่วนช่วยกรองแสงเพิ่มให้กับหลังคาแก้วได้เพิ่มขึ้น
เพราะว่า Sunroof
แก้วนี่แม้จะติดฟิล์มกรองแสง
แล้ว
และรูดม่านกรองแสงแล้ว
เวลาแดดจ้าๆ
ก็ยังคงมีแสงผ่านเข้ามาในรถได้มากเกินไป
อันนี้ภาพ
ตอนบ่ายๆ แดดจัดๆ
มองผ่านกระจกหลังคา
ที่ติดฟิล์มกรองแสง
Lamina เบอร์ ANL 20 NSRPS
ที่ค่อนข้างเข้มก็ยังเห็นแสงผ่านมามากพอสมควร
ดึงม่านกรองแสง
ออกมาช่วยกรองแสงอีกชั้น
ก็ยังมีแสงผ่านได้
อีกพอประมาณ
และนี่ คือ
หลังซ้อนทั้ง Sticker
รูพรุน ลายธง
ร่วมไปกับ
ม่านบังแด
ก็ยังมองเห็นท้องฟ้า
ได้
แต่ว่าแสงลดความจ้าลงไปได้
อีกระดับนึง
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
สิ่งอำนวยความสะดวก
และระบบความปลอดภัย
ไฟหน้า Bi Xenon
แบบหัวกระสุน
ความสว่างและแสงขาว
ไม่จ้ามากจนรบกวนรถอื่นที่ร่วมทาง
แต่
มองเห็นชัดเจนดี
Power Windows
พร้อมเซ้นเตอร์ล้อค
ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล
และ ระบบกันขโมย และ
Immobilzer
ซันรูฟแก้ว(แบบสองตอน)
ตอนหน้าเปิดปิดได้ด้วยไฟฟ้า
พร้อมม่านกันแสงแบบโปร่ง
ตอนหลัง
เป็นกระจกแก้วปิดตาย
พร้อมม่านกันแสงแบบโปร่งเช่นกัน
ชุดเครื่องเล่น CD
และ Tuner ไม่มี CD Changer
ให้มา
เครื่องปรับอากาศ
แบบ Manaul
ปรับตั้งด้วยมือ
ระบบเบรค ABS
ป้องกันล้อล้อคตาย
พร้อม ระบบ EBD (Electronic Brake
Force Distribution )
ซึ่งจะควบคุมแรงเบรคที่ล้อหลังให้พอเหมาะขณะเบรค
เพื่อให้ได้สมดุลขณะเบรค
ดีที่สุด
ระบบ ASC (All Season Traction Controle )
ที่ทำงาน
ช่วยกป้องกันการลื่นไถล
ขณะออกตัวแรงๆ
ขณะถนนลื่น หรือ
เร่งความเร็วกระทันหัน
หรือเข้าโค้งแรงๆ
Air Bag
สำหรับผู้โดยสารคู่หน้า
พร้อมทั้ง Sensor
จับการทำงาน ของ Air Bagสำหรับ
ที่นั่งผู้โดยสารหน้า
ว่ามีคนนั่งขณะนั้นหรือไม่
Power Windows พร้อม Central Lock และ
ระบบกันขโมยแบบ
Inmobilizer
พวงมาลัย Multifunction
ควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง
และโทรศัพท์
พร้อมปุ่ม
ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
(Cruise Control)
Onboard Computer
คำนวนข้อมูลความสิ้นเปลืองในการใช้งาน
เกียร์ Autometic 6 speed พร้อม
Steptronic เปลี่ยนเกียร์
แบบ Manual
ได้ที่คันเกียร์
และที่ปุ่ม Paddle shift
ที่พวงมาลัย
ระบบเตือนลมยางอ่อน
(Flat Tyre Monitor)
Specification
เครื่องยนต์= DOHC 4
สูบ 16 วาลว์ ความจุ 1598
ccใช้น้ำมัน Octane 91 (เพิ่งเปิดคู่มือดู
ว่าใช้ 91 รวมทั้ง Gassohol
91 ได้หลังจากที่
ทางศูนย์เก่า
เค้าบอกให้ใช้ 95
มาตั้งแต่ Cooper R50
คันก่อนโน่นนนนนนนนนนนน
:)
กำลังสูงสุด 125KW (168PS) /
6000rpm
แรงบิดสูงสุด 220Nm ที่
4000rpm
ความจุถังน้ำมัน =
50 litres (รวม น้ำมัน
สำรอง 8 ลิตรแล้ว)
Fuel Consumption
ใช้งานจริง
ทางไกลบนไฮเวย์
ความเร็วเฉลี่ย 120 =
10-12 กม./ลิตร
ความเร็วเฉลี่ย 140-160
กม./ชม. = 8-10 กม./ลิตร
ใช้งานเฉลี่ยในเมือง
8 -10 กม./ลิตร
ล้อ Alloid ขนาด 17 นิ้ว
ขนาด ยาง 205/45/17 ZR
ลมยางที่แนะนำ
ถ้าขับ 2 คน หรือ
ขับไม่เกิน 160 Km/hr ใช้ 35
PSI ทั้งหน้าและหลัง
เพื่อความนุ่มนวล
แต่ถ้าบรรทุกหนัก
หรือ นั่ง 4 คน และ
วิ่งด้วยความเร็วเกิน
160 กม./ ชม. ให้เติม 39 PSI
ทั้งหน้าและหลัง
มิติ ยาว 3655 mm กว้าง
1688 mm สูง 1416 mm
ระยะห่างฐานล้อ( Wheelbase
) 2467 mm
น้ำหนักตัวรถ 1235 kg
สรุป
Cooper S เป็นรถเล็ก
แรงดี
ที่ราคาค่อนข้างสูงมากไป
พอสมควร
เมื่อเทียบกับขนาดรถของมัน
( เกือบ 3 M )
แต่ มินิ ก็คือ มินิ
ที่มีตลาดของตัวเอง
ประมาณ ว่า เป็น Nich Market
เป็นรถที่ สวย
น่ารัก ขับสนุก
มีไสตล์ของตัวเอง
สาวๆขับก็สวย
หนุ่มๆขับก็มันส์
เวลาไปไหนก็มี
คนมอง คนชม แต่
วันดีคืนดี
จอดรถไว้เดินห่างจากรถ
อาจจะเจอคนชมรถคุณเหมือนที่ผมเคยเจอ
สองสาวเดินผ่านมาแล้วชมรถเราว่า
"รถแบบนี้
มีตังค์อย่างเดียว
ซื้อไม่ได้นะ
ต้องโง่ด้วย อิๆ "
เสียดาย วันนี้
เค้าผ่านไปไวนิด
ไม่งั้นจะแนะนำเค้ามั่งว่า
"น้องๆ รถอย่างนี้
นี่ แค่โง่
อย่างเดียว
ก็ไม่ได้นั่งนะ อิๆ
"
|