UN Blue Max Ref. Nr.
263-58LE-3
Movement UN-26
จากสายเลือดนักเดินทะเล
มาสู่ Limited Edition
Blue Max
เป็นนาฬิกาที่มีพื้นฐาน
มาจากตัว
นาฬิกาดำน้ำที่สร้างชื่อให้กับ
Ulysse Nardin มานาน
โดยจัดทำขึ้นมาในแบบ
Limited Edition 18K RG Gold จำนวน 350
เรือน และ Stainless Steel
จำนวนเลขสวย 999
เรือนโดยทั้งสองแบบ
มากับสายยางสีน้ำเงินสดใส
สีเดียวกับ หน้าปัด
และตัวกลไก
เปิดตัวในกลางปี 2002
และได้รับการตอบรับจากนักสะสมดีทีเดียว
ตัวนี้มาในกล่องไม้สวยหรูตามแบบฉบับ
ของ Ulysse Nardin
ที่เน้นความหรูหราปราณีต
ในทุกส่วน
ซองใส่ใบรับประกันการทดสอบ
Chronometer
จาก COSC สีน้ำเงินขนาดใหญ่
ส่วนใบรับประกัน
เป็นพลาสติคขนาดใหญ่กว่าเครดิตการ์ด
แยกมากับสมุดคู่มือการใช้งาน
กล่องด้านในบุหนังสีเบจเรียบร้อย
พร้อมกับหมอนรัดนาฬิกา
เรือนที่ผมรับมาสงสัยจะรัดมานานไปหน่อย
มีสีน้ำเงินจากสายนาฬิกาติดกับหมอน
จนเพื่อนๆหลายคนแซวว่า
ระวังสีตกใส่ข้อมือเวลาใส่
:P
รูปแบบ
หน้าปัดและขนาดตัวเรือน
เหมือนกันกับMarine
Chronometer 1846 คือมีขนาดDiameter
=39 มม. ขนาดของBazel 40.5 mm.
Diameter
ของกระจกหน้าปัด = 31
มม. ความหนา = 12.5 มม.
และความกว้างของสาย
20 mm.
ขอบ Bazel
หมุนได้วใช้ตั้งเวลาทำกิจกรรมต่างๆรวมทั้งเวลาการดำน้ำ
เข็มนาที และเข็มชม.
ตลอดจนมาร์คเกอร์แต้มพรายน้ำ
Luminova
ขนาดใหญ่ให้ความสว่างในที่มืดได้ดี
Subdial ขนาดใหญ่ที่ 6 น.เป็นเข็มวินาที
และภายในซ่อนหน้าต่างรูปทรงกลมบอกวันที่
(แตกต่างกับ Marine Chronometer
รุ่นเก่าๆ
ที่ใช้ช่องวันที่ 4
เหลี่ยม
ซึ่งรุ่นนั้นว่ากันว่ามีปัญหา
เรื่องการเข้าลานไม่ดีนักทำให้
Power Reserve
ขึ้นไม่ค่อยเต็ม Scale
เวลาใช้งาน
Subdail
พร้อมเข็มสีแดงที่ใต้ตำแหน่ง
12 น.เป็นตัวบอกพลังงานสำรอง(Power
Reserve) ของเครื่อง
โดยเครื่อง UN 26
ตัวนี้ให้พลังงานสำรอง
ประมาณ 42 ชม.หรือเกือบๆ
สองวัน
ความเที่ยงตรงดีเยี่ยมผ่านการทดสอบความเที่ยงตรงระดับ
Chronometer
จาก COSC
ฝาหลังของ Blue
Max จะต่างกับ ตัว Marine
Chronometer
ตรงที่แทนที่จะเป็นฝาทึบสลักเกียรติประวัติรางวัลมากมายที่
UN ได้รับ
เหมือนตัวเดิม
แต่เปลี่ยนมาใช้เป็น
ฝาหลังที่มี Crystal Sapphire
Window
ขนาดใหญ่ให้เห็นเครื่อง
แต่ยังคงเป็นฝาหลังแบบขันเกลียวอัดแน่น
และเมื่อรวมกับ
เม็ดมะยมขันเกลียวกันน้ำทำให้
Blue Max
สามารถกันน้ำลึกได้ถึง
300 เมตร
ซึ่งน่าจะเป็นนาฬิกาหลังเปลือยที่กันน้ำได้ลึกที่สุดในปัจจุบันนี้
Close Up
เข้ามาดูเครื่องใกล้ๆ
ผ่านทาง
หลังที่เปลือยใส
จะเห็นว่าเครื่องของ
Blue Max
ส่วนใหญ่เป็นโลหะสีน้ำเงินแวววาว
ซึ่ง ทาง UN ได้ใช้ Blue
Titaniumสีน้ำเงินสดใสเคลือบพื้นผิวโลหะส่วนที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเสียดสีไว้ด้วยความหนาสม่ำเสมอ
1
ไมครอนไม่ขาดไม่เกิน
สำหรับ Blue Titanium
ที่เคลือบไว้แม้จะบาง
แต่มีความแข็งแกร่งทนต่อการสึกกร่อนได้ดี
ด้วยความแข็งถึง 1500 HV.
ด้านข้างตัวเรือนยังคงรูปแบบ
ของ ตัว Marine Chronometer
ตัวเรือนด้านข้างเว้าโค้งมนสวยงามด้านตรงข้ามกับเม็ดมะยม
มีแผ่นโลหะยึดด้วย
Scew
บอกหมายเลขประจำเรือนเหมือนกัน
แต่สำหรับ Blue Max
ซึ่งเป็น Limited Edition
จะมีตัวเลขบอกจำนวนการผลิต
ไว้ด้วยสำหรับเรือนนี้เป็นเรือนที่เลขสวย
88/999
ทำให้ผมต้องยอมสละสิทธิ์
การจองจาก Trocadero
มารับสอยเรือนนี้จากเพื่อนร่วมบอร์ดนาฬิกาแทน
:P
สายของ Blue Max
เป็นสายยางดิบที่ไม่ระคายเคืองผิว
แต่ละด้านเป็นสายสองตอน
ต่อกันด้วย
ข้อต่อโลหะ Titanium ขัดด้าน
รวมทั้งส่วนที่เป็นบานพับ
พร้อมปุ่มล้อคก็เป็น
Titanium เช่นกัน
ตอนตัดสายยาง
นี่นึกเสียวๆเหมือนกันว่าข้อมือผมเล็ก
ตัดแล้ว
ถ้าคนอื่นเอาไปใส่ต้องเปลี่ยนสายใหม่ทันที
ถ้าต้องซื้อทั้งสายและบานพับเป็นชุด
UN
ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสายแพง
เส้นล่ะ
หลายหมื่นนี่
เหนื่อยแน่
แต่ว่าเช็คแล้ว
เค้ามีขายเฉพาะส่วนที่เป็นยางที่ตัด
สั่งได้ในราคาไม่กี่พัน
ค่อยทำให้มั่นใจในการตัดหน่อย
:P
สรุป
ถ้าเป็นแฟน Ulysse Nardin
โดยเฉพาะ Marine Chronometer 1846
ตัวดังของ UN
และไม่ชอบสายโลหะ
แต่ชอบสายยาง
และไม่กลัวความเปรี้ยวซ่า
เกินตัว
อยากแนะนำตัวนี้ให้มากกว่า
เพราะว่า
ค่าตัวที่แพงกว่าไม่กี่หมื่นบาท
กับ Limited Edition
เรือนเด่นตัวนี้
มองยังไงก็ยังคุ้มแถมยังเป็นสาวหลังเปลือยที่ดำน้ำลึกได้มากที่สุดในโลกอีกต่างหาก
:P